วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รองอธิบดีกรมชลประทาน ติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น จังหวัดระนอง

นายสี่พร มณีโชติ รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายก่อสร้าง พร้อมด้วย นายณรงค์ ลีลานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านจัดสรรน้ำและบำรุงรักษา) ผู้ตรวจราชการเขต 8 และคณะ ได้ติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น บ้านทอนเรียน หมู่ 3 ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง มีนายมนตรี ไชยมงคล นายช่างชลประทานอาวุโส หัวหน้าผู้ควบคุมงาน และเจ้าหน้าที่ร่วมให้การต้อนรับ

พร้อมบรรยายสรุปว่า การก่อสร้างทำนบดินหัวงานบริเวณสันเขื่อนมีความก้าวหน้าไปแล้ว 98.8% ซึ่งเร็วกว่าแผนงานที่กำหนดไว้ 6.48% และมีการกักเก็บน้ำแล้ว ส่วนการระบายน้ำลงลำน้ำเดิมได้ในปริมาณ 4.28 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม.) และหากปริมาณน้ำกักเก็บล้นแนวสปิลล์เวย์ สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 220 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นายสี่พรกล่าวว่า การเก็บกักน้ำในปีแรกไม่สามารถเก็บได้เต็มความจุของอ่าง 10 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จะค่อยๆ ให้น้ำเพิ่มขึ้นทีละขั้นตอน เพื่อให้เกิดการอยู่ตัวของดินบริเวณตัวเขื่อน แต่จากนั้นเมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 คือตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไปจะสามารถเก็บน้ำได้เต็มที่ และจะเกิดประโยชน์กับชาวจังหวัดระนองอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของการประปา การเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำจืด ซึ่งจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล

รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายก่อสร้าง กล่าวด้วยว่า จากการรับฟังรายการการสรุปทราบว่าจังหวัดระนอง ยังมีศักยภาพในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางได้อีก 7 แห่ง ซึ่งกระจายอยู่เกือบทุกอำเภอ ซึ่งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาข้อมูล เก็บรายละเอียดต่างๆ เพื่อวางแผนดำเนินการต่อไปในอนาคต หากดำเนินการสำเร็จก็จะส่งผลให้จังหวัดระนองมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

ทต.บางริ้น ทุ่มงบเกือบ 2 ล้านบาทจัดแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง

เทศบาลตำบลบางริ้น ทุ่มงบประมาณเกือบ 2 ล้านบาท จัดแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธงและงานเทศกาลลอยกระทงที่ฝายน้ำล้นคลองบางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ระหว่าง 15-21 พฤศจิกายน 53

นายชวลิต เทพประดิษฐ์ นายกเทศมนตรีตำบลบางริ้น เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลบางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ได้สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 1,500,000 บาท จัดงานแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2553 ณ ฝายคลองบางริ้น หมู่ที่ 2 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภท คือ เรือยาวประเภท 8 ฝีพาย เรือยาวประเภท 16 ฝีพาย และ 32 ฝีพาย โดยเพิ่มระยะทางจาก 300 เมตรเป็น 450 เมตร สามารถสร้างความตื่นเต้นและความเร้าใจแก่กองเชียร์และนักกีฬาได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีเรือยาวจากหลายจังหวัดสมัครเข้าร่วมแข่งขัน ทั้งจากภาคใต้และภาคกลาง นายกเทศมนตรีตำบลบางริ้น กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนงบประมาณ 400,000 บาท จัดงานประเพณีลอยกระทง ระหว่างวันที่ 15-21 พฤศจิกายน 2553 บริเวณฝายน้ำล้นคลองบางริ้นด้วย โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ทั้ง การออกร้านจำหน่ายสินค้าคาถูก การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การแสดงดนตรีของนักร้องชื่อดัง เป็นต้น และในค่ำคืนวันลอยกระทงหรือวันเพ็ญเดือนสิบสอง ได้ประกอบพิธีทางศาสนา และลอยกระทงร่วมกัน.

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

จังหวัดระนอง มอบประกาศเกียรติคุณแก่เกษตรกรดีเด่น ประจำปี 2553


วันที่ 30 ส.ค.53 นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอและหัวหน้าหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น ประจำเดือนสิงหาคม 2553 ที่โรงแรมทินิดีระนอง โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานมอบเงินรางวัลและเกียรติบัตรโครงการประกวดหมู่บ้านที่มีผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือ คม. ระดับดีในระดับจังหวัด ของกรมการปกครอง จำนวน 3 แห่ง คือ คณะกรรมการหมู่บ้าน บ้านทุ่งหงาว หมู่ 2 ต.หงาว ,บ้านละออง หมู่ 1 ต.ราชการูด และบ้านระนองพัฒนา หมู่ 4 ต.บางริ้น จากนั้นมอบประกาศเกียรติคุณเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่น ประจำปี 2553 ของสำนักงานเกษตรจังหวัดระนอง จำนวน 6 สาขา คือ สาขาอาชีพทำสวน ได้แก่ นายพยูร บุญประกอบ สาขาไร่นาสวนผสม ได้แก่ นายธรรมนูญ จันทร์ภักดี กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่น ได้แก่ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านห้วยนายร้อย กลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่น ได้แก่กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนระวิราษฎร์บำรุง สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่น ได้แก่ เด็กหญิง วรวรรณ ทองกลั่น กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนระวิราษฎร์บำรุง และที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรดีเด่น ได้แก่ นายสำราญ ศิริชาติ กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนระวิราษฎร์บำรุง นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ยังได้มอบรางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับจังหวัด ประจำปี 2553 ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระนอง จำนวน 5 แห่ง คือ บ.สยามชัยอาหารสากล จำกัด, บ.สยามชัยโภคภัณฑ์ จำกัด, บ.ผลิตภัณฑ์อาหารบีโบ้ จำกัด ,บ.สยามฮอทสปาระนอง จำกัด และ บ.อันดามันซีฟู้ด จำกัด ส่วนบริษัท มินเนอรัล รีซอร์สเซส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดหรือ MRD ได้รับรางวัลระดับประเทศ ซึ่งได้รับเกียรติบัตรจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และมอบรางวัลและใบรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการด้านเอดส์และวัณโรค ในสถานประกอบกิจการระดับจังหวัด ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระนอง จำนวน 4 ราย คือ คือ โรงแรมทินิดีระนอง โรงแรมไอเฟลอินน์ระนอง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทยอุดมค้าไม้และก่อสร้าง และบริษัทโรงน้ำแข็งเจริญชัย จำกัด

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อบจ.ระนองจัดโครงการทอดผ้าป่าหนังสือ 38 กอง

วันที่ 26 ส.ค. 53 ณ.ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง นายสุกิจ สวัสดี รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุมชี้แจงโครงการทอดผ้าป่าหนังสือ จำนวน 38 กอง เพื่อมอบให้กับศูนย์การเรียนชุมชนทั้ง 38 แห่ง

นายสุกิจ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปในจังหวัดระนอง และตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาตลอดชีวิต จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนศูนย์การเรียนรู้ชุมชนประจำตำบล ( กศน.ตำบล ) ให้มีความพร้อมและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเป็นการเปิดโอกาส ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการด้านการศึกษา ด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านการค้นคว้าวิจัย ด้านความบันเทิงใจ เป็นต้น

ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการด้านการเรียนรู้ การพักผ่อนหย่อนใจส่วนบุคคล องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง จึงได้จัดทำโครงการทอดผ้าป่าหนังสือขึ้นจวน 38 กอง เพื่อนำไปมอบให้แก่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนประจำตำบล ( กศน.ตำบล ) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดระนองทั้ง 38 แห่ง เพื่อให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ประจำตำบลต่อไป

สำหรับกำหนดการทอดผ้าป่านั้น ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองกำหนดการทอด วันที่ 28 กันยายน 2553

เวลา 10 .00 น. ณ.โรงยิมเนเซียม สนามกีฬาจังหวัดระนอง จึงขอเชิญชวนประชาชนที่ต้องการจะร่วมบริจาคหนังสือเพื่อใช้ในการทอดผ้าป่านั้นทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองกำหนดรับหนังสือจากผู้มีจิตศรัทธานำหนังสือมารวมกันไว้ที่ โรงยิมเนเซี่ยม สนามกีฬาจังหวัดระนอง ได้ตั้งแต่วันที่ 20-27 กันยายน 2553 เป็นต้นไป.

ข้อมูลข่าว...พลังชน/ระนอง

มหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ ปี2553 จังหวัดระนอง


วันที่ 26 ส.ค. 53 ณ. ห้องโรงยิมเนเซียม โรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทาราม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงต่อมนุษย์จังหวัดระนอง จัดกิจกรรมมหกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ ปี2553 โดยมี นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเป็นประธาน

นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า เยาวชนทุกคนมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองและเป็นกำลังหลักในการผลักดันให้เศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดี ดังนั้นจึงอยากฝากให้เยาวชนทุกคน ได้แสดงพลังในตัวเองออกมา ซึ่งทุกภาคส่วนก็ได้ให้การสนับสนุนในคุณค่าของตัวเยาวชนอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และขอให้เยาวชนได้ร่วมแรง ร่วมใจ สามัคคี และเสียสละ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม มีคุณธรรม จริยธรรม และใช้สติปัญญาอันชาญฉลาดในการคิดสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแก่สังคมและช่วยกันพัฒนาประเทศให้เดินหน้าสู่ความรุ่งเรือง ภายใต้คำขวัญที่ว่า “ร่วมแรง แข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ”

นายทวีศักดิ์ ดาโอะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามมติของคณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปีเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ และเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของยุวกษัตริย์ไทยสองพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ จึงถือได้ว่าเป็นวันสิริมงคลยิ่งที่เยาวชนควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

สำหรับกิจกรรมของทางจังหวัดระนองจัดขึ้นวันนี้ประกอบไปด้วยการมอบเข็มคนดีศรีระนอง ให้แก่เด็กและเยาวชน และบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่ดี จำนวน 30 คน การแสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในด้านต่าง ๆ ของเยาวชน จากโรงเรียนบ้านด่าน อ.กะเปอร์ โรงเรียนระวิราษฎร์บำรุง อ.ละอุ่น โรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทาราม อ.เมือง และสมัชชาเด็กและเยาวชนจังหวัดระนอง โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 800 คน.


ข้อมูลข่าว...พลังชน/ระนอง

กฟภ.ระนองแจงเหตุไฟฟ้าดับ เกิดจากหม้อแปลงขนาด 50 MVA ขัดข้อง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ส.ค.53 นายจิระ ยังสุข รองผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. จังหวัดระนอง ฝ่ายบริหาร เปิดเผยว่า สาเหตุของการเกิดกระแสไฟฟ้าดับทั่วจังหวัดระนอง เกือบ 2 ชั่วโมงเมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น เกิดจากหม้อแปลงไฟฟ้าขนาด 50 MVA(เมกะโวลท์แอมป์)ของสถานีไฟฟ้าระนอง 2 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง เกิดการชำรุดกระทันหันตามสภาพการใช้งาน ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย แม้ว่าเจ้าหน้าที่ได้บำรุงรักษาตามกำหนดก็ตาม หม้อแปลงไม่ได้ระเบิดและไม่เกี่ยวกับระบบจ่ายไฟของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยตามข่าวลือแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้นจนสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้แล้ว โดยรับภาระโหลดครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเชื่อมต่อกับสถานีไฟฟ้าระนอง 1 ตำบลราชกรูด อ.เมืองระนอง ซึ่งรวมระยะเวลาที่ไฟฟ้าดับจำนวน 96 นาที แต่จุดแรกที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ภายใน 38 นาที ขณะนี้ทาง กฟภ.ระนอง ได้ประสานไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขตเพชรบุรี ให้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบหม้อแปลงตัวดังกล่าวอย่างละเอียดแล้ว

นายจิระ กล่าวว่า ปัจจุบัน กฟภ.ระนอง มีสถานีไฟฟ้า 2 แห่ง คือ สถานีไฟฟ้าระนอง 1 ราชกรูด และสถานีไฟฟ้าระนอง 2 บางนอน หากสถานีไฟฟ้าใดสถานีหนึ่งขัดข้องก็สามารถจ่ายไฟมาทดแทนกันได้ทันทีโดยไม่มีปัญหาเรื่องไฟฟ้าตก ส่วนการแก้ไขปัญหาในอนาคตทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคส่วนกลาง ได้มีแผนที่จะติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าขนาด 50 MVA อีก 1 ตัว ที่สถานีไฟฟ้าระนอง 2 ภายในปี 2555

นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า เหตุไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นนั้นได้สร้างความเสียหายแก่ผู้ประกอบการ แต่กำลังอยู่ในระหว่างการประเมินว่ามีมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม จังหวัดระนองยังมีปัญหาเรื่องกระแสไฟตก ไฟกระพริบบ่อย ทำให้อุปกรณ์เครื่องจักรได้รับความเสียหายเป็นประจำ ซึ่งยังเป็นปัญหาที่ต้องร่วมกันหาทางแก้ไขต่อไป..///

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ระนองจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษารูปแบบและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำแร่ร้อนพรรั้ง

วันที่ 26 ส.ค.53 จังหวัดระนองจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษารูปแบบและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำแร่ร้อนพรรั้ง หมู่ที่ 3 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อเป็นต้นแบบและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบยั่งยืน โดยมีการจ้างบริษัท อีแพ็ค จำกัดในการเป็นที่ปรึกษาในการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ตามขอบเขตงาน หรือ TOR

ศ.ดร.สุนทร บุญญาธิการ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านเทคโนโลยีอาคารและสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุดเด่นของจังหวัดระนองคือมีน้ำแร่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความงามที่บริสุทธิ์ของธรรมชาติ เป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยว Riviera of Thailand และมีอากาศดีเกือบตลอดปี จึงได้มีแนวคิดที่จะพัฒนาแหล่งน้ำแร่ร้อนพรรั้งสู่ระดับสากล(Word Class Hot Spring Spa & Resort) มีเป้าหมายนักท่องเที่ยวระดับเศรษฐีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เน้นการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจังหวัดระนอง อนุรักษ์และเพิ่มคุณค่าให้กับทรัพยากรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและของเดิมให้มากที่สุด โดยกำหนดรูปแบบการลงทุน 3 แนวทาง คือ รัฐเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด, รัฐและเอกชนร่วมลงทุน และ เอกชนลงทุนทั้งหมด

สำหรับปัญหาใหญ่ที่สุดของจังหวัดระนองคือเรื่องป่าไม้ เฉพาะที่แหล่งน้ำแร่ร้อนพรรั้งมีหน่วยงานที่รับผิดชอบถึง 3 ส่วน คือ อุทยานแห่งชาติ ป่าไม้ และ อบจ.ระนอง การที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้จังหวัดระนองมีปัญหาเรื่องสาธารณูปโภค ที่พักที่จะมารองรับ อย่างไรก็ตามถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของแนวคิดการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง

สำหรับการจัดโครงการในครั้งนี้เป็นการจัดครั้งที่ 2 ต่อจากการจัดครั้งที่แล้วเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาซึ่งจากการรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชนครั้งที่แล้วทางทีมงานวิจัยได้กลับไปปรับแนวคิดใหม่ โดยจะยังคงแนวความคิดเดิมคือการพัฒนาแหล่งน้ำแร่ร้อนพรรั้งสู่ระดับสากล(Word Class Hot Spring Spa & Resort) แต่ในเรื่องของการปรับภูมิสถาปัตยกรรม จะเน้นการคงสภาพแวดล้อมธรรมชาติแบบเดิมไว้ รักษาต้นไม้ใหญ่ทั้งหมดหรือการย้ายไปปลูกที่อื่น และเน้นการใช้ต้นไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดระนอง เช่น อินทนิล และดอกโกมาชุม ส่วนอื่นๆ ก็ได้แก่การ ออกแบทางสถาพแวดล้อมทั่วไป ที่พักอาศัย ระบบไฟฟ้า ระบบกำจัดและรวบรวมขยะมูลฝอยต่างๆ

ขณะที่ตัวแทนภาคเอกชนมีความกังวลว่าโครงการดังกล่าวจะมีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหนเนื่องจากการลงทุนค่อนข้างสูง และอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการ แต่ก็สนับสนุนแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว.




ข่าวจาก...พลังชน/ระนอง

อบจ.ระนอง อนุมัติให้โอนงบประมาณโครงการปี 51 กว่า 12 ล้านบาท

สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง อนุมัติให้โอนงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ไปตั้งเป็นรายการใหม่และเพิ่มงบประมาณของปี 2553 รวม 6 รายการ เป็นเงิน 12,665,000 บาท

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.53 ได้มีการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ระนอง สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ.2553 ที่ห้องประชุมสภา อบจ.ระนอง มีนายสมควร ทองสุกใส ประธานสภา อบจ.ระนอง เป็นประธานการประชุม มีสมาชิกลงชื่อเข้าร่วมประชุมจำนวน 21 คนจาก 24 คน ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาญัตติขออนุมัติโอนงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2551 ที่เสนอโดยนายนภา นทีทอง นายก อบจ.ระนอง ซึ่งเป็นเรื่องค้างการพิจารณาจากการประชุมเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากสภาล่ม โดยการประชุมครั้งนี้สมาชิกสภาได้ลงมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ให้โอนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2551 ที่โครงการไม่สามารถดำเนินงานได้ไปตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่ โดยไม่มีหนี้ผูกพัน ไว้ทำการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2553 จำนวน 5 รายการ คือ /1.รายการก่อสร้างศูนย์ธรรมาภิบาล หมู่ 4 ต.มะมุ อ.กระบุรี เป็นเงิน 3,007,000 บาท /2.รายการค่าครุภัณฑ์กีฬา จำนวน 14 รายการ ครุภัณฑ์สำรวจ 3 รายการ ซื้อรถตัดหญ้า 1 คัน และค่าวัสดุกีฬา 13 รายการ เป็นเงิน 2,347,100 บาท /3.รายการก่อสร้างศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง หมู่ 4 ต.ราชกรูด อ.เมือง ค่าจัดซื้อรถฟาร์มแทรกเตอร์ 1 คัน และค่าจัดซื้อเครื่องย่อยปุ๋ยพืชสด 1 ชุด เป็นเงิน 1,600,000 บาท /4.การก่อสร้างถนนลาดยางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตเชื่อมระหว่างหมู่ 5 ต.เชี่ยวเหลียงกับหมู่ 3 ต.บ้านนา เป็นเงิน 3,684,900 บาท /5. รายการก่อสร้างบ่อเลี้ยงปลา โรงเรียน ตชด.บ้านในวง อ.ละอุ่น เป็นเงิน 126,000 บาท นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้เพิ่มงบประมาณอีก 1 รายการคือ รายการก่อสร้างสะพาน คสล.ข้ามคลองวังยาว หมู่ 6 ต.กะเปอร์ อ.กะเปอร์ จากเดิม 1,600,000 บาท เป็น 1,900,000 บาท ทั้งนี้ ก่อนการลงมติ สมาชิกสภาได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางกว่า 2 ชั่วโมงไม่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว เนื่องจากก่อนการประชุมได้มีการบรรจุไว้ในระเบียบวาระที่ 5 แต่ นายสุรพล ชูศรี สมาชิก อบจ.เขตอำเภอกะเปอร์ ได้เสนอให้เลื่อนขึ้นมาเป็นระเบียบวาระที่ 3 ต่อมานายนภา ได้ถอนญัตติดังกล่าว แล้วได้เสนอกลับเข้ามาเป็นเรื่องด่วนในระเบียบวาระที่ 4 ให้สภาพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกรับรองถูกต้องตามระเบียบ ทำให้สมาชิกหลายคนไม่เห็นด้วยที่เสนอเรื่องกลับไปกลับมาโดยไม่มีเหตุผลประกอบที่ชัดเจน ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความสับสน แต่ในที่สุดสภาก็ได้มีมติอนุมัติญัตติดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์..//

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ระนองจัดโครงการฝึกอบรมเยาวชนอาสาสมัครเอกลักษณ์ของชาติ

วันที่ 25 ส.ค.53 ณ. โรงแรมระนองการ์เด้น นายวิโรจน์ แสงศิวะฤทธิ์ ปลัดจังหวัดระนอง เป็นประธานการเปิดการฝึกอบรมเยาวชนอาสาสมัครเอกลักษณ์ของชาติ จังหวัดระนอง ประจำปีงบประมาณ 2553

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เพื่อให้เยาวชนที่เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจและเล็งเห็นความสำคัญในเอกลักษณ์ของชาติ เกิดจิตสำนึกในความเป็นไทย มีอุดมการณ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเสียสละ มีจิตอาสาพร้อมที่จะทำงานเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายในการทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งจากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ เป็นเหตุให้วิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว เกิดความสับสนในการประพฤติปฏิบัติตน และการดำเนินชีวิตในแนวทางที่ถูกต้องของไทย ละเลยเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ความกตัญญูกตเวที หลงผิดคิดว่าวัฒนธรรมต่างชาติดีกว่าวัฒนธรรมไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการธำรงรักษาไว้ ในสิ่งที่ดีงามอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติต่อไป ดังนั้นสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงปัญหาของเด็กและเยาวชน ทั้งการประพฤติปฏิบัติตน และการดำเนินชีวิตในแนวทางที่ถูกต้องจึงได้จัดโครงการนี้ขึ้น

นายเสรี คงรัตน์ วัฒนธรรมจังหวัดระนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงปัญหาของเด็กและเยาวชน ทั้งการประพฤติปฏิบัติตน และการดำเนินชีวิตในแนวทางที่ถูกต้อง การที่เยาวชนหลงผิดในวัฒนธรรมต่างชาติ จะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ดีอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ จึงได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมเยาวชนอาสาสมัครเอกลักษณ์ของชาติ โดยมีนักเรียนและนักศึกษาที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปี ถึง 20 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกในความรักชาติ และความภาคภูมิใจในความเป็นไทยด้วย โดยจะดำเนินการจัดฝึกอบรมเยาวชนอาสาสมัคร จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ100 คน ในระหว่างเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน 2553 นี้เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ เกียรติยศ ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย.

-----


ข่าว...พลังชน/ระนอง

องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองจัดอบรมโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553

วันที่ 25 ส.ค.53 ที่โรงแรมทินิดี อำเภอเมือง จังหวัดระนอง นายนภา นทีทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ได้เป็นประธานเปิดการจัดอบรมโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ระหว่างวันที่ 25-27 ส.ค.53 โดยมี ด.ร.พิมล หรือตระกูลและคณะวิทยากรจากสถาบันพระปกเกล้า มาให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบบประชาธิปไตย โดยมีสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง อาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดระนอง ประชาชนผู้สนใจและนักเรียนจากทุกอำเภอในจังหวัดระนองเข้าร่วมโครงการกว่า 150 คน

นายนภา นทีทอง กล่าวว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองที่เป็นของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ปัจจุบันการเมืองการปกครองเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปเกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อนและไม่ตรงกันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยดังนั้นวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการในครั้งนี้ เพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้นักเรียนและเยาวชนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศได้มีการเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบบประชาธิปไตยเป็นฐานรากแห่งการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต


--


ข่าว...พลังชน/ระนอง

มูลนิธิศุภนิมิตจัดการอบรมพัฒนาสื่อข้อความเพื่อการสื่อสารกับสื่อสาธารณะ

วันที่ 25 สิงหาคม 53 ณ.โรงแรมทินิดี จังหวัดระนองมูลนิธิศุภนิมิต จัดการอบรมพัฒนาสื่อข้อความเพื่อการสื่อสารกับสื่อสาธารณะ ให้แก่นักจัดรายการสถานีวิทยุชุมชน สื่อมวลชน ตลอดจนผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในการเป็นสื่อมวลชนที่ดีในการนำเสนอข่าว รวมทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรมในการนำเสนอข่าว โดยได้รับเกียรติจาก นายบุรี ดีชัยยะ ประชาสัมพันธ์จังหวัดระนอง นายวินัย พิมพ์ศร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดระนอง และนายสาธิต ศรีหฤทัย นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดชุมพร เป็นวิทยากรในการบรรยายให้ความรู้ .

ข่าว...พลังชน/ระนอง

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ระนอง จัดแข่งขันประกวดร้องเพลงชาติ

วันที่ 20 สิงหาคม 2553 นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเป็นประธานจัดแข่งขันการประกวดร้องเพลงชาติไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน เยาวชน และองค์กรทุกภาคส่วนของสังคมไทยได้ร่วมกันอนุรักษ์ คุ้มครองและปกป้องสถาบันหลักของชาติ 4 สถาบัน ได้แก่ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน พัฒนาประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันการประกวดร้องเพลงชาติไทยและได้เป็นตัวแทนระดับจังหวัดเพื่อส่งไปแข่งขันร้องเพลงชาติไทยในระดับประเทศต่อไป ระดับประถมศึกษาได้แก่ทีมจากโรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทาราม ส่วนในระดับชั้นมัธยมศึกษา อุดมศึกษาทีมชนะเลิศได้แก่ทีมจากวิทยาลัยชุมชนจังหวัดระนอง.

ข่าวพลังชนระนอง

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา ศึกษาดูงานในพื้นที่จังหวัดระนอง

คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ลงพื้นที่จังหวัดระนอง ศึกษาดูงานและรับทราบปัญหาข้อเสนอแนะจากส่วนราชการและภาคเอกชนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และปัญหาแรงงานต่างด้าว

เมื่อวันที่ 19 สค.53  คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ซึ่งนำโดย นายชรินทร์ หาญสืบสาย รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาดูงานพื้นที่จังหวัดระนองเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และปัญหาแรงงานต่างด้าวในจังหวัดระนอง โดยมี นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง หัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดระนอง

นายประกวด ตันโสภณ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง กล่าวว่า จังหวัดระนองมีท่าเรือน้ำลึกแต่ยังใช้ขนถ่ายสินค้าได้ไม่เต็มที่เนื่องจากระบบการขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์

ทำได้ลำบาก เพราะเส้นทางจากชุมพร-ระนอง มีความคดเคี้ยวมาก จึงใช้ได้เฉพาะทางรถยนต์ ซึ่งทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งที่สูง จึงขอเสนอให้มีการผลักดันระบบโลจิสติกส์การขนส่งระบบรางเชื่อมฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทยผ่านจังหวัดระนองและชุมพร ขยายถนนเพชรเกษมเป็น 4 เลน และขอเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้า ที่อำเภอกระบุรี รวมทั้งตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวในจังหวัดระนอง

นายชรินทร์ หาญสืบสาย กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ พร้อมที่จะสนับสนุนให้มีการแก้ไขปัญหาของจังหวัดระนอง จึงขอรับข้อเสนอจากส่วนราชการและภาคเอกชนในจังหวัดระนอง เพื่อนำเสนอรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป.

ข่าว...พลังชนระนอง

สถิติจังหวัดระนองจัดการประชุมชี้แจงโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ.2553

วันที่ 20 ส.ค.53 ณ.โรงแรมไอเฟลอินท์ จังหวัดระนอง นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการเปิดการประชุมชี้แจงตามโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ.2553 จังหวัดระนอง จัดโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจังหวัดระนอง

นางสาวสุภิญญา เชยแสง สถิติจังหวัดระนอง กล่าวว่า ตามที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้เสนอแนะให้ทุกประเทศในโลกจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะอย่างน้อยทุก ๆ 10 ปี ใน ค.ศ. มีลงท้ายด้วยศูนย์ (0) ประเทศไทยได้มีการจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะ มาแล้ว 10 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อปี 2452 และปีนี้ 2553 จัดทำเป็นครั้งที่ 11 และเป็นการครบรอบ 100 ปี ของการทำสำมะโนประชากรในประเทศไทย สำหรับขอบเขตการปฏิบัติงานของจังหวัดระนอง ได้แบ่งพื้นที่เป็นเขตปฏิบัติงานทั้งสิ้น 387 เขต โดยการกำหนดให้ 1 เขตปฏิบัติงานจำนวนครัวเรือนต้องไม่เกิน 450 ครัวเรือน โดยมีบุคลากรที่ต้องปฏิบัติงานในครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 189 คน เป็นเจ้าหน้าที่วิชาการ (ผู้ควบคุมการแจงนับ) จำนวน 24 คน โดยได้รับการร่วมมือจากวิทยาลัยชุมชนระนอง เทศบาลตำบลน้ำจืด ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดระนอง และในส่วนของพนักงานแจงนับจำนวน 189 คน พื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ได้รับความอนุเคราะห์จากวิทยาลัยชุมชนระนองส่งนักศึกษามาช่วยเป็นพนักงานสัมภาษณ์ โดยจะเริ่มออกปฏิบัติงานพร้อม ๆ กันทุกอำเภอทั่วทั้งจังหวัดระนองระหว่างวันที่ 1-30 กันยายน 2553 นี้

นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งและต้องขอบคุณที่ท่านเสียสละเวลารวมทั้งแรงกาย แรงใจ ในการทำงานในครั้งนี้ และนับว่าเป็นความท้าทายสำหรับทุก ๆ ท่านว่าจะสามารถนับจำนวนประชากรและเคหะของจังหวัดระนองได้ครบถ้วนและถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามก็ขอให้ท่านพยายามเอาข้อมูลที่เป็นข้อมูลจริงมาให้ได้มากที่สุด เพื่อความถูกต้องและจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาและวางระบบการบริการของประเทศต่อไป.

ข่าว...พลังชนระนอง

จังหวัดระนองออกหน่วยบริการโครงการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน

จังหวัดระนองออกหน่วยบริการโครงการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนและคลีนิกเกษตรเคลื่อนที่” ตำบลเชี่ยวเหลียง อำเภอกะเปอร์ มีผู้ไปรับบริการเป็นจำนวนมาก


วันที่ ๑๙ ส.ค. ๕๓ นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นำหัวหน้าส่วนงานราชการต่าง ๆ ระดับจังหวัด หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการเหล่ากาชาดและหน่วยงานภาคเอกชน ออกหน่วยบริการประชาชนตามโครงการหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และโครงการคลินิกเกษตร ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๓ ตำบลเชี่ยวเหลียง อำเภอกะเปอร์ เพื่อเพิ่มโอกาสและทางเลือกของประชาชนในการขอรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐให้มากขึ้น โดยการบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ ร่วมออกพบปะเยี่ยมเยียน และนำงานบริการ สวัสดิการสงเคราะห์ของรัฐ ไปให้บริการประชาชนในท้องถิ่นห่างไกล รวมทั้งการรับเอาปัญหาของประชาชนในพื้นที่ไปสู่การแก้ไขเยียวยา เช่น การตรวจรักษาโรคทั่วไป บริการตัดผม รับจดทะเบียนคนพิการ จำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ การทำประมง การพัฒนาบำรุงดิน การชลประทาน ให้ความรู้ทางด้านกฎหมาย แนะแนวอาชีพอิสระ ให้บริการงานทะเบียนราษฎร์ การทำบัตรประจำตัวประชาชน มีประชาชนในพื้นที่ ออกไปรับบริการเป็นจำนวนมาก

โอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง มอบอุปกรณ์กีฬาให้นายอำเภอกะเปอร์เพื่อแจกจ่ายให้โรงเรียน มอบถุงยังชีพของเหล่ากาชาดจังหวัด และองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส จำนวน ๘๐ ชุดและมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมการให้บริการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มาให้บริการประชาชน.

ข่าว...พลังชนระนอง

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อบจ.ระนอง จัดยิ่งใหญ่ “ฟุตบอล อบจ.ระนองคัพ” ชิงเงินรางวัลรวม 150,000 บาท


องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง จัดแข่งขันฟุตบอล อบจ.ระนอง คัพ ประจำปี 2553 ชิงเงินรางวัลรวม 150,000 บาทพร้อมถ้วยเกียรติยศ ได้10ทีมสุดท้ายจากทุกอำเภอ เปิดดวลแข้งระหว่างวันที่ 21 ส.ค.-2 ก.ย.53 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดระนอง

นายนภา นทีทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ร่วมกับ ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดระนอง และชมรมกีฬาฟุตบอลจังหวัดระนอง ได้กำหนดจัดการแข่งขันฟุตบอล อบจ.ระนอง คัพ ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม - 2 กันยายน 2553 ณ สนามกีฬาจังหวัดระนอง ชิงเงินรางวัลรวม 150,000 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและเยาวชนได้เล่นกีฬาฟุตบอลและพัฒนามาตรฐาน เพื่อความสามัคคีในหมู่คณะ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ซึ่งมีทีมที่ผ่านการคัดเลือกจากทุกอำเภอ ๆ ละ 2 ทีม รวม 10 ทีม เข้าร่วมการแข่งขันในระดับจังหวัด นายนภา กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอล อบจ.ระนอง คัพ ถือเป็นฟุตบอลรายการหรือทัวร์นาเม้นท์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดระนอง ซึ่งในปีนี้ การจัดการแข่งขันแตกต่างจากทุกปีที่ผ่าน โดยเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นต่าง ๆ จากทุกอำเภอเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการแข่งขันโดยส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกในระดับอำเภอ ให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลได้อย่างมีมาตรฐาน เพื่อเฟ้นหานักเตะช้างเผือก นำมาคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลอาชีพเข้าสู่ทีมสโมสรฟุตบอลระนองหรือระนองเอฟซี ซึ่ง อบจ.ระนองเป็นผู้สนับสนุนหลัก จากนั้นเอาทีมชนะเลิศและรองชนะเลิศระดับอำเภอ เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันรอบสุดท้ายในระดับจังหวัด จำนวน 10 ทีม แบ่งเป็น 2 สาย โดยทีมชนะเลิศ ,รองชนะเลิศอันดับที่ 1,2 และ 3 ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท 40,000 บาท 30,000 บาท และ 10,000 บาทตามลำดับ พร้อมถ้วยเกียรติยศ สำหรับรางวัลระดับอำเภอ ทีมชนะเลิศ, รองชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 ได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท 10,000 บาท และ 5,000 บาท ตามลำดับพร้อมถ้วยเกียรติยศ สำหรับนัดเปิดสนามในวันที่ 21 ส.ค.53 คู่แรกเวลา 13.00 น. อบต.นาคาพบกับ เทศบาลตำบลราชกรูด และเวลา 17.45 น.หลังพิธีเปิดการแข่งขัน อบต.บางพระเหนือ พบกับ เทศบาลตำบลกะเปอร์ ส่วนนัดชิงชนะเลิศ แข่งขันในวันที่ 2 กันยายน 2553 นายสุขกิจ สวัสดี รองนายก อบจ.ระนอง กล่าวว่า จากการจับสลากแบ่งสาย ดังนี้ สาย A เทศบาลตำบล(ทต.)กะเปอร์,องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บางพระเหนือ,อบต.นาคา,ทต.ราชกรูด และ ทต.จ.ป.ร. สาย B อบต.ม่วงกลวง,ทต.น้ำจืด,เทศบาลเมืองระนอง,ทต.ละอุ่น และอบต.กำพวน การแข่งขันใช้กฎกติกาของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า เน้นการสร้างความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และการมีน้ำใจเป็นนักกีฬา มี ผอ.กกท.ระนอง เป็นประธานควบคุมการแข่งขัน และใช้ ตชด.ที่ 415 ระนอง เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระหว่างแข่งขัน ..//////

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

เทศบาลเมืองระนองปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันแม่ 12 สิงหาคม


นายพินิจ ตันกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองระนองเป็นประธานเปิดกิจกรรมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันแม่ 12 สิงหาคม ณ บริเวณเนินเขานิเวศน์คีรี หลังพระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) มีคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วน พนักงาน คณะครู นักเรียน และกลุ่มพลังมวลชน จำนวน 200 คนเข้าร่วม

นายพินิจ ตันกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองระนอง กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวได้จัดขึ้นเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เทศบาลเมืองระนองจึงได้จัดโครงการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองระนอง โดยให้ต้นไม้บรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมในเขตเมือง เนื่องจากต้นไม้จะทำหน้าที่ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ และเป็นการปรับปรุงสภาพนิเวศทางธรรมชาติ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิต ลดการพังทลายของหน้าดิน และที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชน

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทางเทศบาลเมืองระนองได้การอนุเคราะห์พันธุ์ไม้จากสถานีเพาะชำกล้าไม้ จังหวัดระนอง จำนวน 300 ต้น ประกอบด้วย ต้นตะเคียนราก ต้นหว้า ต้นนาคบุตร เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนำมาปลูกบริเวณเขานิเวศน์คีรี เป็นการร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการสร้างให้ระนองเป็นเมืองน่าอยู่ต่อไป

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จับงูเหลือมยาว 5 เมตร หลังแอบเลื้อยเข้าไปกินลูกหมูชาวบ้านที่ระนอง


วันที่ 13 ส.ค. 53 เจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์จังหวัดระนอง ได้รับแจ้งของความช่วยเหลือจากนายสนอง กลิ่นหอม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/7 ม.1 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ว่าให้ไปช่วยจับงูเหลือมขนาดใหญ่ที่คอกเลี้ยงหมู เมื่อไปถึง พบชาวบ้านและพระสงฆ์ กำลังยืนมุงดูงูเหลือมขนาดใหญ่อยู่ในคอกหมู ที่กั้นด้วยอิฐบล็อกซึ่งถูกมัดด้วยเชือก จึงช่วยกันจับนำออกจากคอกหมู วัดความยาวได้ประมาณ 5 เมตร น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ นายสนอง กล่าวว่า ก่อนที่จะมาพบงูเหลือมตัวดังกล่าว ก่อนหน้านี้ลูกหมู จำนวน 3 ตัว กับไก่อีก 5 ตัวไปหายไปอย่างไร้ร่องรอย จึงพยายามที่จะจับขโมยให้ได้ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.30 น.วันที่ 13 สิงหาคมได้ยินเสียงลูกหมูร้องดังผิดปกติจึงหยิบไฟฉายพร้อมไม้หนึ่งท่อนไปดูที่เล้าหมูซึ่งอยู่ข้างบ้าน ปรากฏว่าพบงูเหลือมขนาดใหญ่กำลังรัดลูกหมูอยู่ 1 ตัว ส่วนลูกหมูที่เหลืออีก 4 ตัวกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ตนจึงวิ่งไปเรียกเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้มาช่วยจับมัดไว้ จากนั้นพอเช้าจึงโทรศัพท์แจ้งมูลนิธิฯให้ช่วยจับเพื่อนำงูไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ และคาดว่างูตัวดังกล่าวคงอาศัยอยู่ในป่าบริเวณใกล้เคียง คงจะเลื้อยมากับสายน้ำเนื่องจากตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาฝนตกหนักทุกวัน

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

พายุฝนตกหนักทั้งคืน ส่งผลให้ดินและต้นไม้บนภูเขาเลื่อนไหลทับสายไฟแรงสูง ถนนเพชรเกษม จ.ระนอง


วันที่ 13 ส.ค.53 หลังจากตลอดคืนที่ผ่านมา เกิดพายุลมฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้ดินและต้นไม้บนภูเขาน้ำตก ได้เลื่อนไหลลงมาทับถนนสายเพชรเกษม ที่เขาสู่ตัวเมืองระนอง ม.1 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง และมีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากหล่นมาจากภูเขา อยู่เกลื่อนบนถนน พร้อมทั้งมีน้ำจากภูเขาไหลลงมาอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้รถที่สัญจรไปมาที่ใช้เส้นทางดังกล่าวเพื่อออกจากตัวเมืองระนอง หรือวิ่งเข้าสู่ตัวเมืองระนอง ด้วยความลำบาก เจ้าหน้าที่ต้องนำรถติดไซเรนเปิดไฟเตือน เพื่อให้ผู้ขับขี่รถได้ระมัดระวังเมื่อผ่านบริเวณจุดดังกล่าว

อีกทั้งบริเวณดังกล่าว ผู้รับเหมาก่อสร้างเพิ่งจะตักดินบนภูเขา เพื่อทำถนนแต่ผู้รับเหมาไม่ยังไม่มีการปรับหน้าดิน ทำให้หน้าดินบนภูเขาร่วนซุย มีก้อนหินขนาดใหญ่โผล่ออกมา เมื่อเจอน้ำฝนปริมาณมากทำให้อุ้มน้ำไว้ไม่ไหว ประกอบกับต้นไม้เจอลมพัดแรง จึงถล่มลงมาทั้งดิน ทั้งหินขนาดใหญ่และต้นไม้

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

ทหารและเทศบาลนำถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้านเกาะสินไห จ.ระนอง หลังน้ำทะเลหนุนสูง

วันที่ 13 ส.ค.53 พ.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) กองกำลังเทพสตรี พร้อมด้วยนายวิชัย เหล่ารักษ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำท่าเรือ นำถุงยังชีพไปมอบให้กับประชาชนบ้านเกาะสินไห หมู่ที่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง หลังได้รับความเดือดร้อนจากน้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติ ทำให้เครื่องครัวและสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้รับความเสียหายจากน้ำทะเลท่วมบ้านที่อยู่ริมเกาะ นายวิชัย กล่าวว่า จากการสำรวจเบื้องต้นพบบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายจากน้ำทะเลหนุนสูงจำนวน 80 ครัวเรือน ซึ่งเบื้องต้นได้แจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องนุ่งห่มให้แล้วจำนวน 300 ชุด ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ เกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างอยู่ระหว่างสำรวจ นายซาเดน อาซัน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/4 หมู่ 4 บ้านเกาะสินไห กล่าวว่า อาศัยอยู่บนเกาะมานานกว่า 10 ปีแล้วยังไม่เคยเกิดปรากฎการณ์น้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติขนาดนี้มาก่อน วันเกิดเหตุชาวบ้านเกือบทั้งหมู่บ้านได้ไปประกอบพิธีจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่โรงเรียนบ้านเกาะสินไห เมื่อกลับมาถึงปรากฏว่าบ้านถูกน้ำทะเลท่วมแล้ว ไม่สามารถเก็บข้าวของได้ทัน ของใช้บางส่วนถูกคลื่นซัดลงทะเลสูญหาย นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัดระนอง และเทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ ไปให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติ ซึ่งหากความเสียหายเกินความสามารถของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่จะช่วยเหลือ ก็ร้องขอความช่วยเหลือไปยังอำเภอเมืองระนองได้ ซึ่งมีงบฉุกเฉินรองรับอำเภอละ 500,000 บาท สำหรับรองรับกรณีภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชาวระนองร่วมใจทำบุญตักบาตรเนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม



วันที่ 12 ส.ค.53 นายวันชาติ วงศ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นางสว่างศรี วงศ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดระนอง ร่วมใจกันทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ 79 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหามหาราชินี ณ.บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองระนอง

นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ กล่าวว่า เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติ แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงขอเชิญชวนชาวระนองทุกหมู่เหล่าประดับประดาธงสัญลักษณ์ประจำพระองค์ พระบรมสาทิสลักษณ์ ตามหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้าน อาคาร ร้านค้า บ้านเรือน และจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เช่น การปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ การบริจาคโลหิต การไถ่ชีวิตโคกระบือ การปล่อยสัตว์น้ำ และปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น และเวลา 19.19 น. ขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดระนองทุกคนร่วมใจกันร่วมพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มดอกมะลิ จุดเทียนชัยถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และถวายพระพรชัยมงคล ณ.ลานเอนกประสงค์หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองจังหวัดระนอง

ข่าวพลังชนระนอง...รายงาน

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รัฐและเอกชน “ระนอง-ชุมพร” ร่วมผลักดันระบบลอจิสติกส์เชื่อมรางรถไฟอันดามันกับอ่าวไทย


วันที่ 11 ส.ค.53 นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยนายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายประกวด ตันโสภณ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง นายธีระศักดิ์ ปางวิรุฬห์รักษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร นายธงชัย ลิ้มตระกูล ประธานหอการค้าชุมพรและนายศักดิ์ชัย ศรียุทธไกร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพรได้ประชุมหารือร่วมกันเพื่อผลักดันระบบโลจิสติกส์การขนส่งระบบรางเชื่อมฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทยผ่านจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร ที่โรงแรมทินิดีระนอง

นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จังหวัดระนองมีท่าเรือน้ำลึกแต่ยังใช้ขนถ่ายสินค้าได้ไม่เต็มที่เนื่องจากระบบเชื่อมต่อการขนส่งยังไม่ดี ใช้ได้เฉพาะทางรถยนต์เท่านั้นซึ่งไม่ได้รับความสะดวก ปัจจุบันแม้ว่ากรมทางหลวงได้บรรจุแผนโครงการขยายถนนเพชรเกษมเป็น 4 เลนแล้วแบ่งเป็น 4 ช่วง ในปีงบประมาณ 2554-2557

โดยในปี 2554 ได้รับงบประมาณก่อสร้างช่วงแรกประมาณ 25 กิโลเมตร จากชุมพรยังอนุสาวรีย์ จ.ป.ร. อ.กระบุรี จ.ระนอง แต่ระบบรางถือว่ายังคงมีความจำเป็น ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจังหวัดระนองได้พยายามผลักดันระบบรางเข้าสู่จังหวัดระนองมานานแล้ว อันที่จริงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเคยสร้างรางรถไฟเชื่อมอ่าวไทยกับอันดามันจาก จ.ชุมพรไปยัง จ.ระนองโดยไปสิ้นสุดที่บ้านเขาฝาชี ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง แต่เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามจึงได้รื้อรางรถไฟกลับ ซึ่งปัจจุบันยังมีสันดินแนวรางรถไฟให้เห็นอยู่เป็นช่วงๆ

นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จ.ชุมพร และ จ.ระนองมีศักยภาพในการสร้างระบบลอจิสติกส์ หากสำเร็จก็จะสมบูรณ์แบบเนื่องจากจังหวัดชุมพรได้วางแผนที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกไว้แล้ว ซึ่งสามารถเชื่อมไปยังท่าเรือแหลมฉบังได้ ซึ่งกรมเจ้าท่าได้สำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมแล้ว แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เหมาะที่จะนำมาเสนอ ส่วนการพัฒนาระบบรางได้วางแผนไว้ 2 เฟส คือ

1.พัฒนาสถานีรถไฟชุมพรให้มีสถานีขนถ่ายสินค้า 2.ทำรางรถไฟเชื่อมไปยัง จ.ระนอง ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนารถไฟไทยของกระทรวงคมนาคมที่มีรายละเอียดถึงการพัฒนาระบบรางจากชุมพรถึงระนอง ระยะทางประมาณ 117 กิโลเมตร งบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งข้อมูลที่ได้ในครั้งนี้จะนำเสนอสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผ่านกระทรวงมหาดไทยต่อไป

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประกันสังคมจังหวัดระนอง เยี่ยมผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตามโครงการประกันสังคมเยี่ยมผู้ประกันตน


วันที่ 11 ส.ค.53 นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นางพรทิพย์ พิทยานันทกิจ ประกันสังคมจังหวัดระนอง นางสาวสุนันท์ ใยเผือก สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระนอง นายแพทย์ทินกร พงศ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนองและคณะอนุกรรมการประกันสังคมจังหวัดระนอง เข้าเยี่ยมผู้ป่วยประกันสังคมที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลระนอง จำนวน 6 ราย พร้อมมอบของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ตามโครงการประกันสังคมเยี่ยมผู้ประกันตน และผู้ทุพพลภาพ ประจำปี 2553 และเนื่องในวโรกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2553 เพื่อให้ผู้ประกันตน และผู้ทุพพลภาพมีความรู้สึกอบอุ่นใจ มีความรู้สึกที่ดีต่อระบบประกันสังคม เกิดความมั่นใจในการให้บริการทางการแพทย์ในระบบประกันสังคมมากยิ่งขึ้น

นางพรทิพย์ พิทยานันทกิจ ประกันสังคมจังหวัดระนอง กล่าวว่า ปัจจุบันประกันสังคมไทยใช้ระบบการเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้ประกันตน 2,401.33 บาท ต่อคนต่อปีให้แก่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีจุดเด่นในมิติของการวางแผนด้านการเงินค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จุดด้อยของระบบคือ จะต้องมีการกำกับดูแลสถานพยาบาล เพื่อให้มีการบริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

การเยี่ยมผู้ป่วยประกันสังคมเป็นครั้งคราวตามโอกาสที่เหมาะสม และเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกในการตรวจเยี่ยมสถานพยาบาล และกำกับดูแลสถานพยาบาลด้วย โดยไม่ให้สถานพยาบาลเกิดความรู้สึกว่าเป็นการไปตรวจในส่วนของระบบให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาล

นางพรทิพย์ กล่าวอีกว่า สำนักงานประกันสังคมได้จัดทำโครงการประกันสังคมเยี่ยมประกันตน และผู้ทุพลภาพ ประจำปี 2553 เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2553 ในครั้งนี้ มีเป้าหมายออกเยี่ยมเยียนพร้อมมอบของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น แก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยหรือประสบอันตรายที่เข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลประกันสังคม และจะเข้าตรวจเยี่ยมผู้ทุพพลภาพที่รักษาตัวอยู่ที่บ้านในโอกาสต่อไป.

ข่าวพลังชนระนอง

จังหวัดระนอง ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ๑ ล้านตัว ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


วันที่ ๑๐ สิงหาคม 2553 ณ.ท่าเรืออุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลาง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานในการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ๑ ล้านตัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จังหวัดระนอง โดยสำนักงานประมงจังหวัดระนอง ได้กำหนดจัดพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ คือ กุ้งแชบ๊วย จำนวน ๑ ล้านตัว ในวันที่ ๑๐ สิงหาคม เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ บริเวณท่าเรืออุทยานแห่งชาติแหลมสน หมู่ที่ ๔ ตำบลม่วงกลวง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง เพื่อถวายความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ และเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อทดแทนสัตว์น้ำที่ถูกจับขึ้นมาใช้ประโยชน์ และเป็นการเสริมสร้างทัศนคติและปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนรู้จักวิธีใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการขาดแคลนในอนาคต จึงได้ร่วมกับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษาและกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำดังกล่าวเพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ.

ข่าวพลังชนระนอง

ขนส่งจังหวัดระนองจัดกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแก่สตรีในจังหวัดเนื่องในโอกาสวันแม่


วันที่ 10 สิงหาคม 2553 ณ.โรงแรมแกรนด์เฮอริเทจ จ.ระนอง นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานในการเปิดการฝึกอบรมโครงการ “ผู้หญิงรุ่นใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ใส่ใจกฎจราจร” เพื่อเป็นการให้ความรู้เรื่องการขับรถอย่างปลอดภัยแก่สตรีในจังหวัดระนอง โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดระนองร่วมมือกับบริษัท โตโยต้าระนองผู้จำหน่ายรถโตโยต้า จำกัด ร่วมกันจัดขึ้น

นางชริตร์จาร์ คล่องการยิง ขนส่งจังหวัดระนอง กล่าวว่า ในสภาวะปัจจุบันนี้สังคมไทยเป็นสังคมที่เร่งรีบและผู้หญิงต้องออกมาทำงานนอกบ้านมากขึ้น และการมาทำงานนอกบ้านก็ต้องอาศัยการขับขี่รถมาที่ทำงานเป็นหลัก ดังนั้นทางสำนักงานขนส่งจังหวัดระนองได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงการ “ผู้หญิงรุ่นใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ใส่ใจกฎจราจร”ขึ้นเพื่อเป็นการให้ความรู้และความเข้าใจในการขับขี่อย่างปลอดภัย เช่น การขับขี่รถเข้า-ออกจากโค้ง การขับขี่รถขึ้นทางลาดชัน การขับอย่างไรไม่ให้ถูกชนและไม่ให้ชนผู้อื่น การให้ความรู้และความเข้าใจในการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยในรถยนต์ เช่น การใช้และดูแลรักษาเบรก ABS แอร์แบ็ก และเข็มขัดนิรภัย โดยได้เชิญวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการขับขี่อย่างปลอดภัย และผ่านการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจากต่างประเทศมาเป็นผู้ฝึกอบรม โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจาก บริษัท โตโยต้าระนองผู้จำหน่ายรถโตโยต้า จำกัด

นายนิรวัชช์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากฝากให้ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมในครั้งนี้ นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำไปถ่ายทอดแก่คนในครอบครัว หรือเพื่อนบ้านในชุมชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจในการใช้รถใช้ถนนและการเคารพและปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุและการสูญเสียต่อชิวิตและทรัพย์สิน.

ข่าวพลังชนระนอง

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การค้าภายในจังหวัดระนองแจกจ่ายข้าวสารเฉลิมพระเกียรติ


วันที่ 9 สิงหาคม 2553 นายวันชาติ วงศ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการแจกจ่ายข้าวสารเฉลิมพระเกียรติของจังหวัดระนอง

นายวันชาติ กล่าวว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคลบรมราชาภิเษกครบรอบปีที่ 60 และวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 นี้ พณฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ มีมติมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้าวสารเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แจกจ่ายให้แก่ประชาชน จำนวน 60 ล้านถุง โดยให้ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยในการแจกจ่ายให้ทั่วถึง และมีคณะอนุกรรมการบริหารการแจกจ่ายข้าวสารบรรจุถุงเฉลิมพระเกียรติระดับจังหวัด ได้แก่ พาณิชย์จังหวัด การค้าภายใน สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดระนอง เป็นคณะกรรมการในระดับจังหวัด

นายชัยโรจน์ สุเอียนทรเมธี การค้าภายในจังหวัดระนอง ในฐานะคณะอนุกรรมการบริหารการแจกจ่ายข้าวสารเฉลิมพระเกียรติระดับจังหวัด กล่าวว่า จังหวัดระนองได้รับการจัดสรรข้าวสารเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 170,800 ถุง (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นแปดร้อยถุง) เพื่อแจกจ่ายให้ประชากรในจังหวัดระนองจำนวน 170,800 คน (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นแปดร้อยคน) โดยจะดำเนินการแจก 2 ช่วง คือช่วงแรกจะแจกจ่ายในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถ จำนวน 32,000 ถุง (สามหมื่นสองพันถุง) และส่วนที่เหลือจะแจกจ่ายในช่วงวันที่ 5 ธันวาคม 2553 ซึ่งจะทำพิธีรับมอบและแจกจ่ายอย่างเป็นทางการต่อไป

นายวันชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้นายอำเภอทั้ง 5 อำเภอในจังหวัดระนองได้นำข้าวสารที่ได้รับการแจกจ่ายในครั้งนี้ไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึงทุกคนและขอให้แจกจ่ายอย่างเป็นธรรมที่สุดเพื่อให้สมกับเจตนารมของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่ต้องการช่วยเหลือให้คนไทยได้บริโภคข้าวสารที่ดี และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาให้จำหน่ายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม.

ข่าวพลังชนระนอง

เหล่ากาชาดจังหวัดระนองมอบแว่นตาแก่ผู้สูงอายุ


วันที่ 9 ส.ค.53 นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยนางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง ได้มอบแว่นตาแก่ผู้สูงอายุตามโครงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุแบบรอบด้านของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง ระยะที่ 1 ที่อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลหงาว เทศบาลตำบลบางริ้น องค์การบริหารส่วนตำบลหาดส้มแป้น และองค์การบริหารส่วนตำบลบางนอน

มีผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาทางด้านสายตาเข้าร่วมโครงการจำนวน 182 ราย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา และวันแม่แห่งชาติ ปี 2553 สำหรับครั้งต่อไปจะได้ไปตรวจวัดสายตาประกอบแว่นและมอบแว่นสายตาให้ผู้สูงอายุที่อยู่ในเขตอำเภอละอุ่น อำเภอกะเปอร์ ตามลำดับ

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จังหวัดระนอง จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน แม่ทั้งประเทศปลูกต้นไม้ถวาย 77 แสนต้น


จังหวัดระนอง จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน แม่ทั้งประเทศปลูกต้นไม้ถวาย 77 แสนต้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ


วันที่ 5 ส.ค.53 ที่บ้านปลายคลองวัน หมู่ที่ 9 ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง นายนภา นทีทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปลูกป่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ 77 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 ภายใต้ชื่อโครงการเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน แม่ทั้งประเทศปลูกต้นไม้ถวาย 77 แสนต้น

นายนภา นทีทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง กล่าวว่า สำหรับโครงการเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน แม่ทั้งประเทศปลูกต้นไม้ถวาย 77 แสนต้น เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งพระองค์ท่านให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาป่าไม้และแหล่งต้นน้ำ ลำธารตลอดจนการรักษาและฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกป่าซึ่งนอกจากเป็นการสร้างพื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนป้องกันปัญหาโลกร้อน และยังมีคุณค่าในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ซึ่งเป็นกระแสที่กำลังได้รับความสนใจของสังคมอย่างกว้างขวาง โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น นายไชยยันต์ ปฎิยุทธ นายอำเภอกระบุรี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ทหาร นักเรียน และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 700 คน ปลูกในพื้นที่ป่าต้นน้ำหินทะลุและป่าต้นน้ำบางปริกกว่า 225 ไร่ซึ่งต้นไม้ที่ปลูก ได้แก่ ต้น ตะเคียนทอง มะฮอกกานี ประดู่ มะค่าโมง ต้นยูง พะยอม สำโรง กัลปพฤกษ์ ไม้สัก ไม้มะยมหินและต้นเหลียง จำนวนกว่า 5,000 ต้น

นายไชยยันต์ ปฎิยุทธ นายอำเภอกระบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่าสืบเนื่องจากกระทรวงมหาดไทยได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดจัดทำโครงการปลูกป่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ 77 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 ภายใต้ชื่อโครงการเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน แม่ทั้งประเทศปลูกต้นไม้ถวาย 77 แสนต้น เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รวมทั้งสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถที่ทรงเห็นความสำคัญของป่าไม้ ตลอดจนมีการสนับสนุนให้มีการปลูกป่า และการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

ข่าวพลังชนระนอง

บริษัท เทพพามาปลาป่น จำกัด มอบป้ายไฟบริการประชาชน


วันที่ 6 สิงหาคม 2553 ว่าที่ร้อยตรี กมล วิภาดาพิสุทธิ์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดระนอง มอบป้ายไฟประชาสัมพันธ์มูลค่า 34,561 บาท โดยคุณสมเกียรติ เหล่าทวีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพพามาปลาป่น จำกัด เป็นผู้จัดทำและมอบให้แก่สถานีตำรวจภูธรเมืองระนองโดย พ.ต.อ.ภิญโญ หวลกสินธุ์ ผกก.สภ.เมืองระนอง เป็นผู้รับมอบ เพื่อติดตั้งบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองระนองเป็นการให้บริการข่าวสารแก่ประชาชน .

ข่าวพลังชนระนอง / รายงาน

ชลประทานเดินหน้าก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองเคียนงาม ต่อจากอ่างหาดส้มแป้น ระนอง


ชลประทานเดินหน้าก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองเคียนงาม เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางแห่งที่ 2 ของจังหวัดระนอง ต่อจากอ่างหาดส้มแป้น พร้อมจ้างที่ปรึกษาสำรวจความเหมาะสมและสิ่งแวดล้อม


นายจรูญ พจน์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 14 เปิดเผยว่า การก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น บ้านทอนเรียน ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ความจุ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการก่อสร้าง 2 สำนักชลประทานที่ 14(คส.2/14)

ขณะนี้มีความก้าวหน้าไปแล้ว 98% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2553 อย่างแน่นอน และส่งมอบงานในเดือนกันยายนนี้ แม้ว่าตามสัญญาจ้างจะสิ้นสุดโครงการในเดือนมกราคม 2554 แต่ขณะนี้มีการเก็บกักน้ำแล้ว ซึ่งจะทำให้ชาวระนองโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาลเมืองระนอง และพื้นที่ใกล้เคียงได้รับประโยชน์ ทั้งด้านน้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และประมงน้ำจืด นอกจากนี้ยังสามารถบรรเทาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก และการขาดแคลนในฤดูแล้งด้วย

ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 14 กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ สำนักชลประทานที่ 14 ได้รับแจ้งจากสำนักบริหารโครงการ กรมชลประทานว่า ได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านวิชาการการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการอ่างเก็บน้ำคลองเคียนงาม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.บางหิน อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ซึ่งคาดว่าสามารถเข้าดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 เป็นต้นไป

สำหรับอ่างเก็บน้ำคลองเคียนงาม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดระนอง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง เช่นเดียวกับอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น แต่มีความจุประมาณ 22 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนงบประมาณยังไม่สามารถระบุได้

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ศาลจังหวัดระนอง จัดงานวันรพี เพื่อระลึกถึงพระบิดาแห่งกฎหมายไทย


วันที่ 5 ส.ค.53 นายวันชาติ วงศ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายสมยศ ชัยประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดระนอง พร้อมด้วยคณะผู้พิพากษา อัยการ ข้าราชการ ทนายความ ทหาร ตำรวจ และข้าราชการผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับกฏหมายในจังหวัดร่วมกันถวายพวงมาลาสักการะหน้าพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย ณ.บริเวณสำนักงานศาลจังหวัดระนอง

นายสมยศ ชัยประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผู้ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย" เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ และทรงวางระบบแบบแผนศาลยุติธรรม รวมถึงทรงจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอันเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ประเทศชาติ ซึ่งชื่อของวันรพีมาจากพระนามเดิมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ คือ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในสมเด็จพระปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2417 และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน ที่มีต่อพสกนิกรและวงการกฎหมายไทย ศาลจังหวัดระนองร่วมกับหน่วยงานยุติธรรมในจังหวัด กำหนดจัดงานวันรพีในวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2553 ณ บริเวณอาคารศาลจังหวัดระนอง โดยมีพิธีการวางพวงมาลาหน้าพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์และกิจกรรมการจัดนิทรรศการตลอดจนการแข่งขันการตอบปัญหาเกี่ยวกับกฏหมายของนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆในจังหวัดระนอง ณ.บริเวณสำนักงานศาลจังหวัดระนอง

นายสมยศ ยังกล่าวต่ออีกว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ ผู้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตอย่างยิ่งยวด ทรงถือว่าความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะสำหรับนักกฎหมาย และทรงจัดตั้งโรงเรียน กฎหมายและเป็นผู้สอนวิชากฎหมายด้วยพระองค์เอง เพื่อที่จะให้มีผู้รู้กฎหมายมากขึ้นทรงจัดวางระเบียบศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ ทรงรวบรวมกฎหมาย และคำพิพากษา ฎีกาพร้อมแต่งตำราอธิบายกฎหมายต่าง ๆ มากมายการค้นคว้ารวบรวมและพระนิพนธ์ ได้เป็นรากฐานก่อตั้งการศึกษานิติศาสตร์ขึ้นในประเทศไทยอันเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ประเทศชาติจึงทรงได้รับยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย" และเรียกวันที่ 7 สิงหาคม อันเป็นคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ทุกปีว่า "วันรพี"

พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเข้าศึกษาวิชาภาษาไทยครั้งแรกในสำนักพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) เมื่อทรงผ่านการศึกษาแล้วได้ ทรงเข้าศึกษาภาษาอังกฤษชั้นต้น ในสำนักครูราม สามิ และในปี พ.ศ. 2426 ได้ทรงเข้าศึกษา ภาษาไทยอยู่ในสำนักพระยาโอวาทวรกิจ (แก่น) เปรียญ ณ พระตำหนักสวนกุหลาบ ในปี พ.ศ. 2427 ได้ทรงผนวชเป็นสามเณรประทับอยู่วัดบวรนิเวศ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2431ได้เสด็จไปประเทศอังกฤษ และทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมอยู่ในกรุงลอนดอน 3 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วได้ทรงเลือกศึกษาวิชา กฎหมายต่อที่วิทยาลัยไครส์ตเชิช ในมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เมื่อ พ.ศ. 2433 เมื่อได้ทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัย ไครส์ตเชิช แล้วได้ ทรงอุตสาหะเอาพระทัยใส่เป็นอย่างมาก ในที่สุดได้ ทรงสอบไล่ได้ตามหลักสูตรชั้นปริญญาเกียรตินิยม ในทางกฎหมายของมหาวิทยาลัยแห่งนั้นจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ

ด้วยพระปรีชาสามารถอันเป็นอัจฉริยะประกอบกับพระวิริยะอุตสาหะของพระเจ้าบรมวงศ์ เธอกรมหลวง ราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ อันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยเป็นเอนกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการกฎหมายไทย กล่าวคือทรงปรับปรุงศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ทรงตรวจชำระสะสางกฎหมายทรงตั้งโรงเรียนกฎหมายเพื่อเปิดการสอนกฎหมาย ครั้งแรกทรงรวบรวม และแต่งตำราคำอธิบายกฎหมายลักษณะต่างๆ มากมายทรงเป็นกรรมการตรวจตัดสิน ความฎีกาซึ่งทำหน้าที่ศาลสูงสุดของประเทศ ทรงตั้ง กองพิมพ์ลายมือขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2443 สำหรับตรวจ ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาในคดีอาญา อันเป็นจุดเริ่มต้น ของการพิสูจน์ลายมือที่กรมตำรวจ ในปัจจุบันนอกจาก นั้นในขณะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิราช ทรงปรับปรุงกิจการกรมทะเบียนที่ดินให้เจริญก้าวหน้า เป็นอันมาก

ในปี พ.ศ. 2462ได้ทรงได้รับพระราชทานอนุญาต ให้ลาพักราชการในตำแหน่งเสนบดีกระทรวงเกษตราธิราชเพื่อรักษาพระองค์ด้วย ทรงประชวรด้วยพระวัณโรคที่พระวักกะ และเสด็จไปรักษาพระองค์ ณ กรุงปารีส แต่อาการหาทุเลาไม่ ในที่สุดได้เสด็จสิ้นพระชนม์ ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2463 พระชนมายุได้ 47 พรรษา

ข่าวพลังชนระนอง / รายงาน

ททท.ผนึก ภาครัฐ เอกชนระนอง จัดเสวนาทิศทางการท่องเที่ยว

ททท. สำนักงานชุมพร ผนึกภาครัฐ เอกชนระนอง และผู้ประการด้านการท่องเที่ยว จัดเสวนาทิศทางการท่องเที่ยวระนองในปัจจุบันและอนาคต ตามโครงการเสริมสร้างความรู้และศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความพร้อมให้กับบุคลากรในหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนเตรียมพร้อมรับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว

นายอุทัย วรมาศกุล ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานชุมพร ร่วมกับ อปท.ในเขตพื้นที่ จ.ระนอง,สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ระนอง และเอกชนที่เกี่ยวข้อง จัดเสวนาทิศทางการท่องเที่ยวระนองในปัจจุบัน และอนาคต ตามโครงการเสริมสร้างความรู้และศักยภาพด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้ประกอบการ ด้านการท่องเที่ยว รวมถึงเจ้าหน้าที่ บุคลากรของหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนมีความพร้อมในการรับการขยายตัวของภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ จ.ระนอง และชุมพรที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูงขึ้น

นายอุทัย กล่าวว่า การส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง ยังคงชูน้ำแร่ร้อนธรรมชาติเป็นจุดขายหลัก เน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยมุ่งเป้าหมายไปที่นักท่องเที่ยวที่รักสุขภาพ แต่ที่ผ่านมาจังหวัดระนองมีปัญหาเรื่องการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากถนนสายหลักคือ ถนนเพชรเกษม ยังเป็นถนนสองเลนอยู่ แต่จากนี้ไปเมื่อภาคเอกชนจังหวัดระนองได้ร่วมกับสายการบินแฮปปี้แอร์ เปิดเส้นทางการบินกรุงเทพฯ-ระนอง-กรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 2 วัน ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2553 เป็นต้นไปนั้น เชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่จังหวัดระนองมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

จังหวัดระนองกำหนดปล่อยพันธุ์กุ้งแชบ๊วย 1 ล้านตัว ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

จังหวัดระนองกำหนดปล่อยพันธุ์กุ้งแชบ๊วย 1 ล้านตัว ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2553

นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า จังหวัดระนอง ได้กำหนดจัดพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งเป็นพันธุ์กุ้งแชบ๊วย จำนวน 1 ล้านตัว ในวันที่ 10 สิงหาคม 2553 เวลา 10.00 น.ณ ท่าเรืออุทยานแห่งชาติแหลมสน หมู่ที่ 4 ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ เพื่อถวายความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2553 และเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อทดแทนจำนวนสัตว์น้ำที่ถูกจับขึ้นมาใช้ประโยชน์ และเป็นการเสริมสร้างทัศนคติและปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนรู้จักวิธีใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการขาดแคลนในอนาคต

จึงขอเชิญชวนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน และกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การท่องเที่ยวระนอง จัดเสวนาสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ในปัจจุบันและอนาคต

ททท.จัดเสวนาทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดระนองในปัจจุบันและอนาคต


---

---

---


ททท.จัดเสวนาทิศทางการท่องเที่ยวระนองในปัจจุบันและอนาคต เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ท่องเที่ยว และสร้างความเข้าใจด้านการตลาดท่องเที่ยวให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง

วันที่ 4 ส.ค.53 นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานเปิดการเสวนา “ทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดระนองในปัจจุบันและอนาคต” ซึ่งผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นางศศิอาภา สุคนธรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ททท. นายสนชัย อุ๋ยเต็กเค่ง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง นายทวีศักดิ์ เกษปทุม อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยรามคำแหง นางพรรณี โศรกหาย ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง และ จ.ส.อ.กฤษดา เอกวานิช ประธานชมรมอนุรักษ์และเครือข่ายท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์จังหวัดระนอง โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมรับฟังการเสวนากว่า 100 คน ณ ห้องประชุมโรงแรมจันทร์สม ฮอท สปา จังหวัดระนอง

นายอุทัย วรมาศกุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานชุมพร เปิดเผยว่า การเสวนาในวันนี้วิทยากรจะได้นำความรู้และประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวมาถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการในจังหวัดระนอง รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ วิเคราะห์สถานการณ์การท่องเที่ยว การเตรียมสินค้าเพื่อการท่องเที่ยว พฤติกรรมนักท่องเที่ยว และแนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการตลาดท่องเที่ยว และสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงการท่องเที่ยวร่วมกันกับทุกภาคส่วน ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและชื่อเสียงของสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดระนองให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืนต่อไป./////

ข่าวพลังชนระนอง / รายงาน

ระนองจัดโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ประจำปี 2553

---

---

---


วันที่ 4 ส.ค.53 ณ. โรงแรมเฮอริเทจ จ.ระนอง นายมนภัทร วังศานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระนอง เป็นประธานเปิดโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้จังหวัดระนอง ประจำปี 2553

นายมนภัทร กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นก็สืบเนื่องมาจากการที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ได้ทรงเสร็จเยี่ยมเยือนราษฎรในพื้นที่น้ำท่วมวิกฤติ 6 จังหวัดนำร่อง ซึ่งประกอบไปด้วย ปทุมธานี อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท และสุพรรณบุรี เพื่อทรงติดตามผลการดำเนินงาน “โครงการฟื้นฟูสายใยรักแห่งครอบครัวผู้ประสบภัยพิบัติในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” และในการเยี่ยมเยือนนักเรียนในพื้นที่ดังกล่าวจะนำสิ่งของหรือผลงานสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้มาจัดแสดง ซึ่งพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ จะทรงชื่นชมและมีดำริว่าควรดำเนินการขยายผลเพื่อให้เกิดการนำวัสดุที่เหลือใช้จากครัวเรือนมาสร้างสรรค์เป็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆอันเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งของเหลือใช้และยังเป็นการลดปริมาณขยะได้อีกทางหนึ่งด้วย

ดังนั้นทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ดำเนินการโครงการประกวดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 4 ของการประกวด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการเสริมสร้างความรู้ โดยเฉพาะการนำของเหลือใช้ไปดัดแปลงให้เกิดประโยชน์และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับเยาวชนได้แสดงพลังความคิดสร้างสรรค์และร่วมทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม โดยการประกวดนี้จะคัดเลือกผลงานที่ชนะเลิศในระดับจังหวัดเพื่อที่จะส่งไปประกวดในระดับประเทศต่อไป

นายมนภัทร ยังกล่าวต่ออีกว่า ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการจัดกิจกรรม และร่วมกันส่งผลงานเข้าประกวดในครั้งนี้ และขอให้ทุกท่านได้นำเอาแนวคิดนี้ไปใช้ในการจัดการกับสิ่งของที่เหลือใช้ในครัวเรือนนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดีกว่าการนำทิ้งซึ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนขยะที่นับวันจะยิ่งมีปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆและยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งของหรือวัสดุเหลือใช้ได้อีกทางหนึ่งด้วย./////

ข่าวพลังชนระนอง / รายงาน

สำนักชลประทานที่ 14 ติวเข้มเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาเขื่อนและการบริหารสัญญาจ้างก่อสร้าง


วันที่ 4 ส.ค.53  ที่โรงแรมทินิดีระนอง นายจรูญ พจน์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 14 เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อนและหลักสูตรการบริหารสัญญาจ้างก่อสร้าง ซึ่งโครงการก่อสร้าง 2 สำนักชลประทานที่14 ร่วมกับบริษัท พอร์ท แอนด์ มารีน คอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชลประทานได้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารสัญญาจ้างก่อสร้างได้ถูกต้องตามระเบียบ มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสังกัดสำนักชลประทานที่ 14 จาก 4 จังหวัด คือ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เข้ารับการอบรมจำนวน จำนวน 50 คน พร้อมทั้งศึกษาดูงานการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง ด้วย

ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 14 กล่าวว่า การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทุกแห่งต้องมีการติดตั้งเครื่องมือติดตามพฤติกรรมเขื่อน เพื่อตรวจวัดความแข็งแรงของตัวเขื่อน ซึ่งต้องมีการเฝ้าระวัง จดบันทึกและรายงานผลเป็นระยะ เพื่อใช้ในการบำรุงรักษา ซ่อมแซม หรือเตือนภัย รวมทั้งการบริหารสัญญาจ้างให้เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย เพื่อป้องการความผิดพลาดที่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติงานได้จริง

ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 14 กล่าวด้วยว่า สำหรับการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น มีความก้าวหน้าไปแล้ว 98 % สามารถเก็บกักน้ำได้แล้ว ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาจ้างในเดือนมกราคม 2554

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ครูสาวโรงเรียนเด็กเล็กระนองถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลและแจ๊คพ็อตรับเงินกว่า 34 ล้านบาท


เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2553 มีข่าวสะพัดไปทั่วเมืองระนองว่า ครูโรงเรียนศรีอรุโณทัย โรงเรียนเอกชนชื่อดังใน จ.ระนอง ถูกล็อตเตอรี่ รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 สิงหาคม 2553 หมายเลข 210008 จำนวน 2 ฉบับ ได้รับเงินรางวัล 4 ล้านบาท และยังถูกรางวัลพิเศษ ชุดที่ 09 อีก 1 รางวัล ได้รับเงินไปอีกจำนวน 30 ล้านบาท รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น 34 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว และได้รับการยืนยันจากนายประดิษฐ์ โมราศิลป์ ครูใหญ่โรงเรียนศรีอรุโณทัย ว่ามีครูถูกรางวัลที่ 1จริง ชื่อนางสาวนันทิกา ชูประสงค์ หรือครูเล็ก อายุ 25 ปี ครูเนอสเซอรี่หรือเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งวันนี้ได้ขอลาหยุด เพื่อขอไปทำธุระแต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดว่าจะไปทำธุระที่ไหน

หลังจากไม่พบนางสาวนันทิกาที่โรงเรียนผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 12/3 หมู่ 2 ต.ทรายแดง อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวนันทิกา เมื่อไปถึงมีนายสัมฤทธิ์ ชูประสงค์ อายุ 55 ปี และนางพรรณี ชูประสงค์ อายุ 55 ปี พ่อและแม่นางสาวนันทิกา ออกมาให้การต้อนรับ ซึ่งยังคงอยู่ในอาการตื่นเต้น และยังมีเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวมาแสดงความยินดีอย่างไม่ขาดสาย

นางสาวนันทิกา กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า ตนเองเพิ่งเรียนจบและเพิ่งแต่งงานกับนายศจิชนม์ เชื้อจิ๋ว เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมามาแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก่อนที่ล็อตเตอรี่จะออกประมาณ 2-3 วัน ตนเองและแฟนได้ขับรถไปซื้อล็อตเตอรี่ใน เขตเทศบาลเมืองระนอง ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบล็อตเตอรรี่ขึ้นมา 1 ใบ ที่ซื้อเพราะว่าอยากซื้อโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้มีเลขเด็ดมาจากไหน จนกระทั่งจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 53 ตนทราบเพียงว่าหวยใต้ดิน 3 ตัวบนออกเลข 008 จนกระทั่งช่วงค่ำของ จึงได้หยิบล็อตเตอรี่ที่ซื้อมาขึ้นมาตรวจดูทางอินเตอร์เน็ตจึงรู้ว่าถูกรางวัลที่ 1 และเมื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกหลายครั้งจึงมั่นใจว่าถูกรางวัลแน่และถูกรางวัลพิเศษด้วย พร้อมทั้งเอาล็อตเตอรี่ฉบับที่ถูกรางวัลมาให้ดูด้วย และได้แจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้ว

นางสาวนันทิกา กล่าวต่อว่า ตนเองและแฟนเตรียมที่จะเดินทางไปขึ้นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่กรุงเทพมหานคร ยังไม่ตื่นเต้นมากนัก แต่ถ้าไปถึงสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วคงจะตื่นเต้นมากกว่านี้เพราะในชีวิตยังไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนและไม่รู้ว่าถ้าไม่ถูกรางวัลจะมีโอกาศได้เห็นหรือเปล่า เบื้องต้นคิดว่าเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งจะเอาไปทำบุญ แบ่งให้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะแบ่งให้คนละจำนวนเท่าไหร่ นอกจากนี้จะเอาไปซื้อสวน สร้างบ้าน และฝากธนาคารไว้เป็นทุนในการสร้างอนาคต แม้ว่าจะเป็นเศรษฐีนีแล้วก็ตามแต่ตนก็จะขอเป็นครูเด็กเล็กต่อไปเพราะเป็นอาชีพที่ตนเองรักและชอบมาตั้งแต่เด็ก

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานด้วยว่า ล็อตเตอรี่หมายเลข 210008 เป็นเลขชุดมีจำนวน 5 ใบ หรือ 10 ฉบับ จึงน่าจะมีคนในจังหวัดระนองถูกรางวัลที่ 1 อีกประมาณ 4 คน แต่คนที่โชคดีที่สุดคือนางสาวนันทิกา ซึ่งนอกจากจะถูกรางวัลที่ 1 แล้วยังถูกรางวัลพิเศษอีกด้วยด้วย
ข่าวพลังชนระนอง / รายงาน

กองบิน 7 แจ้งกำหนดการฝึกยิงอาวุธด้วยกระสุนจริงให้ทหารกองประจำการ ณ สนามยิงปืน ค่ายรัตนรังสรรค์ระนอง

นาวาอากาศเอก สฤษดิ์พร สุนทรกิจ ผู้บังคับการกองบิน 7 เปิดเผยว่า กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี จะทำการฝึกยิงอาวุธด้วยกระสุนจริง ให้กับทหารกองประจำการ รุ่นปี 2553 ผลัดที่ 1 ณ สนามยิงปืน กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายรัตนรังสรรค์ ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง ระหว่างวันที่ 11-20 สิงหาคม 2553

สำหรับชนิดของอาวุธ วันและเวลาที่ใช้ในการฝึกยิง ประกอบด้วย ปืนเล็กยาวขนาด .22 นิ้ว วันที่ 14-15 สิงหาคม เวลา 08.00-21.00 น. ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ขนาด 5.56 มิลลิเมตร วันที่ 16 สิงหาคม เวลา 08.00-21.00 น. ปืนกล ขนาด 7.62 มิลลิเมตรและปืนกล ขนาด 0.50 นิ้ว วันที่ 17 สิงหาคม เวลา 08.0-21.00 น. และเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 40 มิลลิเมตรและเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 81 มิลลิเมตร วันที่ 18 สิงหาคม เวลา 08.00-21.00 น. จึงขอแจ้งให้ส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับทราบ เพื่อป้องกันอันตรายและการเข้าใจผิด

ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

จังหวัดระนองกำหนดเลี้ยงอาหารพระราชทานแก่ผู้ต้องขังหญิง เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ปี 2553

นางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง เปิดเผยว่าเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง ร่วมกับ ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดระนอง และ ชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติจังหวัดระนอง ได้กำหนดจัดเลี้ยงอาหารพระราชทาน และมอบสิ่งของเครื่องใช้แก่ผู้ต้องขังหญิง เนื่องในโอกาสสัปดาห์วันแม่แห่งชาติประจำปี 2553 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2553 เวลา 11.00 น. ณ เรือนจำจังหวัดระนอง โดยจัดให้มีพิธีถวายเครื่องราชสักการะ กล่าวอาเศียรวาทราชสดุดีหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
ข้อมูลจาก :: วิมล หนูแก้ว สวท. ระนอง

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จังหวัดระนองจัดโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพองค์การเครือข่ายวัฒนธรรมนำสู่ความสมานฉันท์ ประจำปี ๒๕๕๓

--------

------------


วันที่ ๒ ส.ค ๕๓ เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่โรงแรมทินิดี อำเภอเมือง จังหวัดระนอง นายปรารพ เหล่าวานิช ผู้ตรวจการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพองค์การเครือข่ายวัฒนธรรมนำสู่ความสมานฉันท์ ประจำปี ๒๕๕๓ จัดโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระนอง

นายเสรี คงรัตน์ วัฒนธรรมจังหวัดระนอง กล่าวว่า สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระนอง ได้จัดโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพองค์กรเครือข่ายวัฒนธรรมนำสู่ความสมานฉันท์ ประจำปี ๒๕๕๓ ตามแผนปรองดองแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๑-๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนและองค์กรเครือข่ายวัฒนธรรม มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างสังคมคุณภาพ พัฒนาระบอบประชาธิปไตย และมีส่วนขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของแผนปรองดองแห่งชาติ

วัฒนธรรมจังหวัดระนอง กล่าวต่ออีกว่า การจัดโครงการดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมเป็นองค์กรภาคประชาชน จาก ๕ จังหวัด ประกอบด้วย ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร กาญจนบุรี ตรัง และระนอง จำนวน ๑๒๐ คน ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับฟังการบรรยายเรื่อง การบริหารจัดการวัฒนธรรมนำสู่ความสมานฉันท์ และการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายวัฒนธรรม นำสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยวิทยากรจากกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมทั้งศึกษาดูงานวิถีชีวิตพื้นบ้านและแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดระนอง

ข่าวพลังชนระนอง / รายงาน