วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กองทุนฟื้นฟูเกษตรกรจังหวัดระนองเปิดฝึกอบรมโครงการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร


วันที่ ๒๑ ธ.ค.53 ณ.ศูนย์การเรียนรู้การเกษตรผสมผสานบ้านม่วงกลวง (สวนลุงแดง) นางพจมาน สุขอำไพจิตร รองประธานคณะกรรมการจัดการหนี้เกษตรกร ในฐานะผู้แทนเกษตรกรภาคใต้ เป็นประธานในการเปิดการฝึกอบรมตามโครงการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร และมอบเช็คเงินสดชำระหนี้แทนเกษตรกรจำนวน ๒ ราย

นางพจมาน กล่าวถึงความเป็นมาการจัดการฝึกอบรมว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ ในเรื่องของหลักการแก้ไขปัญหาหนี้สินและการฟื้นฟูอาชีพของเกษตรกร จำนวน ๕๑๐,๐๐๐ ราย(ห้าแสนหนึ่งหมื่น) และภายใต้โตรงการดังกล่าวทางรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการดังกล่าวโดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวนี้จะแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่มคือ กลุ่มที่เป็นสมาชิกของกองทุน กลุ่มเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.)และลูกหนี้จากสถาบันการเงินอื่นๆ ทั้งนี้โครงการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรจะดำเนินการในระยะแรกของปี ๒๕๕๓ ให้กับกลุ่มเกษตรกรกลุ่มที่ ๑ คือกลุ่มที่เป็นสมาชิกของกองทุน จำนวน ๘๐,๐๐๐ ราย (แปดหมื่นรายถ้วน) โดยการดำเนินการจะเป็นการฝึกอบรมผู้นำเกษตรกรและเกษตรกรเพื่อปรับทัศนคติและพฤติกรรมให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


ผู้แทนเกษตรกรภาคใต้ ยังกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการต่ออีกว่า การฝึกอบรมในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้นำเกษตรกรได้นำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดให้แก่สมาชิกในชุมชนของตนเอง ได้เข้าใจถึงหลักการของโครงสร้างหนี้และเป็นการปรับวิธีคิด วิธีการผลิต การลดต้นทุนในการผลิตโดยนำเอาสิ่งรอบตัวมาเป็นต้นทุน ไม่ใช้สารเคมีในการผลิตเป็นการลดต้นทุนและลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ หลังจากนั้นได้มีการมอบเช็คเงินสดเพื่อการชำระหนี้แทนเกษตรกรที่เป็นหนี้สถาบันการเงินต่างๆจำนวน ๒ ราย คือ นายอูเส็น เวชศาสตร์ จำนวนเงินมูลหนี้ ๑๘๗,๘๗๓.๐๒ บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยเจ็ดสิบสามบาทสองสตางค์) และนายนันทวัฒน์ พึ่งแย้ม จำนวนเงินมูลหนี้ ๑๑๗,๐๘๖.๗๘ บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเจ็ดพันแปดสิบหกบาทเจ็ดสิบแปดสตางค์) โดยเกษตรกรแต่ละรายที่ได้รับเงินช่วยเหลือจะชำระเงินต้นให้กับทางกองทุนเพียงรายละ ๕๐ เปอร์เซ็น และชำระดอกเบี้ยตามที่ทางกองทุนกำหนด เป็นการลดภาระให้กับเกษตรกรลงไปได้อย่างมาก


ข้อมูลจาก...พลังชน/ระนอง

ไม่มีความคิดเห็น: