วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ระนองเปิดศูนย์อาเซียนศึกษาให้บริการสื่อการเรียนสอน 3 ภาษา



 เปิดศูนย์อาเซียนศึกษา เพื่อเป็นศูนย์ให้บริการสื่อการเรียนภาษาอาเซียน โดยจัดให้มีการเรียนการสอนภาษาอาเซียน จำนวน 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาพม่า รวมทั้งบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย ตั้งเป้าดำเนินงานเกี่ยวกับสตรี 4 เรื่อง ทั้งการช่วยเหลือ สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และยกระดับผู้นำสตรี 

          วันที่ 16 ส.ค.56 ดร.พวงเพชร ชุนละเอียด ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยในระหว่างการเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์อาเซียนศึกษา ณ ศูนย์อาเซียนศึกษาจังหวัดระนอง สำนักงาน กศน.จังหวัดระนอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ห้องสมุดประชาชนจังหวัดระนอง ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง ว่า จากการที่รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยมีเป้าหมายดำเนินงานเกี่ยวกับสตรีใน 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การช่วยเหลือสตรี, การพัฒนาศักยภาพสร้างอาชีพและรายได้, การยกศักยภาพผู้นำสตรี และการดำเนินการเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสตรี
      
       โดยสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) กระทรวงศึกษาธิการ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2556 สำนักงาน กศน.ได้กำหนดให้มีการจัดตั้งศูนย์อาเซียนศึกษาในจังหวัดพื้นที่นำร่องครอบคลุมทั่วประเทศ จำนวน 15 แห่ง ได้แก่กรุงเทพฯ, เชียงราย, เชียงใหม่, ตาก, มุกดาหาร, นครพนม, สุรินทร์, อุบลราชธานี, เพชรบุรี, ชลบุรี, ตราด, สงขลา, ภูเก็ต และระนอง
          สำนักงาน กศน.จังหวัดระนอง ได้จัดตั้งศูนย์อาเซียนศึกษา ภาคใต้ เพื่อเป็นศูนย์ให้บริการสื่อการเรียนภาษาอาเซียน โดยจัดให้มีการเรียนการสอนภาษาอาเซียน จำนวน 3ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาพม่า บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย และสื่อประกอบการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งผู้มาใช้บริการสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามอัธยาศัย ทั้งนี้ ศูนย์อาเซียนศึกษาจะเป็นศูนย์ที่มีความพร้อมให้บริการด้านภาษาอาเซียน เพื่อพร้อมรับมือกับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ.2558 อีกทั้งยังเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนให้แก่ผู้นำสตรี สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชนชาวระนอง และจังหวัดใกล้เคียงต่อไป


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ระนองติวเข้มบุคลากรทุกภาคส่วน เตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน



จังหวัดระนอง จัดติวเข้มบุคลากรทุกภาคส่วน ทั้งบุคลากรจากภาครัฐ นักเรียน นักศึกษา ผู้นำชุมชน ประชาชนทั่วไป เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่การเปิดเสรีประชาคมอาเซียน 
                เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ก.ค.56 ที่โรงแรมไอเฟลอินน์ อ.เมือง จ.ระนอง นายเสริมเกียรติ สุทพัฒน์แก้ว หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมี บุคลากรจากภาครัฐ บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา ผู้นำชุมชน และประชาชนทั่วไป เข้ารับการอบรม จำนวน 300 คน โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญอาเซียน จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์ บรรยายเรื่อง ประชาคมการเมืองและความมั่นคง กับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี2558
            นายเสริมเกียรติ กล่าวว่า การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะประเด็นในบทบาททางด้านการเมือง และความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันประชาชนชาวไทย และชาวจังหวัดระนอง ต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประชาคมอาเซียนเป็นเป้าหมายของการรวมตัวกันของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง และขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศในทุกด้าน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับปัญหาใหม่ๆระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาค

            ทั้งนี้ ประชาคมอาเซียนประกอบด้วยความร่วมมือทั้งหมด 3 เสาหลัก คือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน โดยเสาหลักในด้านการเมืองและความมั่นคงมีเป้าหมายสำคัญคือ ส่งเสริมให้ภูมิภาคมีความเป็นเอกภาพ มีความสุข มีความแข็งแรง พร้อมทั้งมีความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่ครอบคลุมในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ การบริหารจัดการภัยพิบัติ และการรับมือภัยคุกคามทุกรูปแบบร่วมกัน ตลอดจนส่งเสริมให้มีการรวมตัวกันในลักษณะพึ่งพาอาศัยกันและกัน ทั้งทางด้านพลังงาน สาธารณสุข และด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และด้านการศึกษา อันเป็นหนทางนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางการเมืองและความมั่นคงของประชาชาติร่วมกัน

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทหารระนองบุกรวบชาวพม่าแอบนำใบกระท่อมม้วนเป็นโรตีมาจำหน่าย


หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี สนธิกำลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมชาวพม่าได้ 1 ราย หลังลักลอบขายใบกระท่อม พร้อมม้วนทำเป็นแผ่นโรตีมาจำหน่ายให้แรงงานต่างด้าว      
       วันที่ 5 ก.ค 56 ร.อ.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผู้บังคับกองร้อย ร.2521 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดภูธรจังหวัดระนอง เข้าทำการล่อซื้อ และจับกุมนายหน่าย หรืออ่อง มิวล่า อายุ 28 ปี แรงงานต่างด้าวชาวพม่า ซึ่งมีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดประเภทใบกระท่อมให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่าใน จ.ระนอง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อ และจับกุม นายหน่าย ชาวพม่าได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่บริเวณ ซ.ชุมชนท่าด่าน ตั้งอยู่ ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง
      
       จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก พบภายในห้องนอนในบ้านนายหน่าย ได้เจาะพื้นห้องทำเป็นช่องลับเพื่อซุกซ่อนใบกระท่อม ในระหว่างรอจำหน่ายให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดใบกระท่อมสดที่ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับได้จำนวน 1.4 กก. และใบกระท่อมที่แบ่งห่อด้วยกระดาษแล้วม้วนรูปแบบคล้ายโรตีเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่อีกจำนวน 53 ห่อ ที่นายหน่าย เตรียมที่จะจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในราคาห่อละ 50 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลางใบกระท่อม และนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดประเภท 5 (ใบกระท่อม) ไว้เพื่อจำหน่าย และมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
      
       ด้านนายหน่าย ผู้ต้องหาชาวพม่าให้การรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพเป็นลูกจ้างขายลูกชิ้นอยู่ที่ตลาดสดภักดี ต่อมา มีวัยรุ่นชาวไทยมาชักชวนให้ขายใบกระท่อม เห็นว่ารายได้ดีจึงได้รับใบกระท่อมมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่าได้กว่า 4 เดือน จนถูกจับในที่สุด
      
       ขณะที่ ร.อ.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผู้บังคับกองร้อยร้อย ร.2521 กล่าวว่า ปัจจุบันพบยาเสพติดประเภทใบกระท่อมกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้แรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้งใบสด และในรูปแบบของการนำมาแปรรูปเป็นวันทูคอล ทั้งนี้ เพราะใบกระท่อมมีราคาถูก หาซื้อได้ง่ายกว่ายาเสพติดประเภทอื่นๆ
ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระนองจับมือเกาะสองผุดโครงการชุมชนคู่ขนานลดปัญหาขัดแย้ง


ระนองจับมือเกาะสอง จัดโครงการชุมชนคู่ขนานแนวชายแดนไทย-พม่า หวังลดปัญหาความขัดแย้ง
          พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี เปิดเผยว่า เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ทาง จ.ระนอง จึงได้ร่วมกับ จ.เกาะสอง ประเทศพม่า จัดโครงการชุมชนคู่ขนานตามแนวชายแดนขึ้น โดยในเบื้องต้น มีชุมชนนำร่อง 3 คู่ ประกอบด้วย บ้านหลุมพอล่าง จ.ระนอง จับคู่กับบ้านตะปอยี ของ จ.เกาะสอง บ้านมะมุ จับคู่กับบ้านตะปอฮือ และบ้านเขาฝาชี จับคู่กับบ้านมะลิวัลย์
      
       สำหรับโครงการชุมชนคู่ขนานตามแนวชายแดนไทย-พม่า ทั้ง 3 คู่ จะมีการจัดกิจกรรมระหว่างชุมชน มีการผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ในลักษณะชุมชนพี่ ชุมชนน้อง ทั้งนี้ เพื่อให้ทั้ง 3 คู่ชุมชน 6 หมู่บ้านของทั้งสองประเทศเกิดความเข้าใจระหว่างกัน เกิดความรัก ความสามัคคี ลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ จากนั้นทางจังหวัดจะสรุปผล และอาจขยายเพิ่มคู่ชุมชนคู่ขนานแนวชายแดนเพิ่มขึ้นในอนาคต
          นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.ระนอง เปิดเผยว่า ทางองค์กรภาคเอกชนจังหวัดระนอง เห็นด้วยที่ทางจังหวัดได้จัดทำโครงการชุมชนคู่ขนานตามแนวชายแดนขึ้น ทั้งนี้ เพราะแนวชายแดนมักจะมีปัญหาการกระทบกระทั่งต่อกันได้ง่าย ซึ่งหากชุมชนเกิดความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะสามารถแก้ไขได้โดยง่าย
      
       ปัญหาที่ทางภาคเอกชนกำลังหวั่นวิตก และอยากให้ทางจังหวัดเร่งแก้ไขปัญหาคือ กรณีปัญหาเขตพื้นที่ทับซ้อนตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดระนอง ซึ่งมีอยู่เกือบตลอดแนวพรมแดน รวมถึงปัญหาเกาะแก่งหลายเกาะที่ทั้งสองประเทศยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้ ซึ่งหลายครั้งเกือบส่งผลให้เกิดปัญหาระหว่างกันเนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีของท้องถิ่นทั้งสองประเทศ จึงยังคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ แต่หากยังไม่มีการแก้ไขปัญหากรณีเขตพื้นที่ทับซ้อนที่มีอยู่หลายจุด เชื่อว่าในอนาคตจะกลายเป็นชนวนปัญหาซึ่งอาจนำมาถึงความขัดแย้งได้
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้

ทหาร ฉก.ร 25 ระนองลุยจับผู้ค้ายาบ้า วันเดียว 2 ราย


ทหารชุดเฉพาะกิจกองกำลังเทพสตรี ร่วมกับตำรวจชุด ป.ป.ส.ภูธรจังหวัดระนอง ลุยจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดติดวันเดียวรวบ 2 ราย รายแรกหนุ่มใหญ่ถูกจับคาด่านสกัดทหาร ขณะที่อีกรายเข้าค้นในบ้านสาวใหญ่ 44 ปี พบยาบ้า
          เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18 ก.พ.56  ที่กองร้อย ร.2521 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ร.ท.ธวัชชัย ทิวะศะศิธร์ ผู้บังคับหมวดปืนเล็กที่ 1 ตำรวจ ปส.ภูธรจังหวัดระนอง ร่วมกันแถลงข่าวจับผู้ค้ายาบ้า จำนวน 2 ราย คือนายไพรัตน์ มุ่งสอนกลาง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 451 ม.7 ต.ลำเลียง อ.กระบุรี จ.ระนอง พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 198 เม็ด อาวุธปืนขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุน จำนวน จำนวน 5 นัด รวมรถยนต์จำนวน 1 คัน และนางสุพิม ซุ่นเอียด อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/52 ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 65 เม็ด
           พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า นายไพรัตน์ มีพฤติกรรมขายบ้าโดยจะขับรถผ่านจุดตรวจจุดสกัดทหาร เพื่อไปส่งยาบ้าให้แก่ลูกค้า เมื่อนายไพรัตน์ขับรถมาที่บริเวณจุดสกัดที่ด่าน จ.ป.ร. อำเภอกระบุรี เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นรถ พบยาบ้า อาวุธปืน โดยจากการสอบสวนนายไพรัตน์ให้การรับสารภาพว่า ทำมานานแล้ว โดยตนเองมีอาชีพทำสวนยางพารา และสวนผลไม้แต่รายได้ไม่พอ พอดีมีเพื่อนมาชวนร่วมขายยาบ้าเห็นว่ามีรายได้ดี จึงทำเรื่อยมากว่า 2 ปีแล้ว แต่ไม่เคยถูกจับกุม จนกระทั่งมาถึงวันนี้
          ส่วนนางสุพิม เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า เป็นผู้ค้ารายใหญ่ในพื้นที่ เกรงลูกๆ หลานๆ จะไปซื้อยาบ้ามาเสพ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 30/52 ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง พบยาบ้า และอุปกรณ์การเสพยาบ้า ซึ่งนางสุพิม สารภาพว่า ทำมานานแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น และแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ จึงได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่งร้อยเวรพื้นที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้

เลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองระนอง “สมชาย ข้ามสมุทร” คะแนนนำ


กกต.ระนอง ประกาศผลการนับคะแนนการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองระนองอย่างไม่เป็นทางการ สมชาย ข้ามสมุทรผู้สมัครหมายเลข 1 ได้คะแนนนำ
          พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระนอง มีมติให้จัดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองระนอง ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 ก.พ.56 ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองระนอง ได้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองระนองอย่างไม่เป็นทางการ ดังนี้
          จังหวัดระนอง มีผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองระนอง จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสมชาย ข้ามสมุทร ผู้สมัครหมายเลข 1 ได้คะแนน 2,465 คะแนน, นายวิชัย คำพิทักษ์ หมายเลข 2 ได้ 60 คะแนน, นายพินิจ ตันกุล หมายเลข 3 ได้คะแนน 2,346 คะแนน,นายอภิชาต หงส์ชูเกียรติ หมายเลข 4 ได้ 400 คะแนน และหมายเลข 5 นายสุกิจ สวัสดี ได้ 366 คะแนน สำหรับจังหวัดระนอง มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 9,896 คน มาใช้สิทธิ 5,993 คน คิดเป็นร้อยละ 60.56 บัตรเสีย 158 ใบ ร้อยละ 2.64 ไม่ประสงค์ใช้สิทธิ 132 ใบ ร้อยละ 2.20
          ประธาน กกต.ประจำจังหวัดระนองกล่าวเพิ่มเติมว่า การประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง นั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง ถ้าหากผู้ใดเห็นว่าการเลือกตั้ง หรือการนับคะแนนครั้งนี้เป็นไปโดยไม่สุจริต หรือไม่เที่ยงธรรม หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระนอง ภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้

พม่าโหดลวงมอเตอร์ไซค์รับจ้างชิงรถใช้มีดแทงดับหนีไม่รอดถูกจับได้


ต่างด้าวชาวพม่าโหดลวงมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปส่งก่อนลงมือแทงได้รับบาดเจ็บเชิดรถ จยย.หนี ผู้ใหญ่บ้านพบเห็นเหตุการณ์ขับรถกระบะไล่ชนวิ่งหลบหนีเข้าป่าละเมาะ ประสาน ทหาร ตำรวจ และชุด ชรบ. ประจำหมู่บ้านกว่า 30 นาย ก่อนรวบตัวได้ ขณะที่เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเสียชีวิตในระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
          วันที่ 17 ก.พ.56 ร.ต.อ.สิงหา น้อยสีอยู่ รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ได้รับแจ้งเหตุมีคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างถูกแทงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ริมถนน ซอยต้นกระท้อน พื้นที่หมู่ 9 ต.บ้านปลายคลองวัลย์ อ.กระบุรี จ.ระนอง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรอยเลือดเป็นกองอยู่ที่ข้างทาง บริเวณถนนซอยพื้นที่หมู่ 9 ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลกระบุรี และเสียชีวิตในระหว่างนำส่งโรงพยาบาล จากการชันสูตรพลิกศพ พบบริเวณไหปลาร้าด้านซ้ายถูกแทงด้วยของมีคมจนเส้นเลือดใหญ่ขาด ทราบชื่อต่อมา คือ นายสมชาย เพชรน้อย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 2 ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง ผู้ตายมีอาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ที่วินท่าเรือพระศุกร์ (บริเวณคอคอดกระ) อ.กระบุรี จ.ระนอง
          จากการสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ คือ นายสมชาย โมลี อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี จ.ระนอง ทราบว่า ขณะที่นายสมชายได้แวะมาเยี่ยมเพื่อนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.บ้านปลายคลองวัลย์ แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบผู้ตายสวมชุดวินมอเตอร์ไซค์นอนฟุบจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่จึงได้จอดรถ และลงไปให้การช่วยเหลือ แต่ระหว่างนั้นพบเห็นชายต่างด้าวชาวพม่ากำลังจะขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายขับหลบหนี ตนจึงได้ขับรถยนต์กระบะไล่ตามจนทัน และขับปาดหน้าจนรถจักรยานยนต์คนร้ายเสียหลักล้มลงข้างทาง แต่คนร้ายยังได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะ ตนจึงได้โทรศัพท์บอกให้เจ้าหน้าที่ทหารชุด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนแยก 1 (จ.ป.ร.) ตำรวจ และชุด ชรบ. ประจำหมู่บ้านกว่า 30 นาย โอบล้อมป่าละเมาะไว้กว่า 30 นาที ก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายพร้อมอาวุธมีดพกได้ขณะหลบอยู่ในป่าละเมาะ ทราบชื่อต่อมา นายแทนน๋าย อายุ 18 ปี เป็นต่างด้าวชาวพม่า จึงได้นำตัวมาสอบสวน
          ร.ต.อ.สิงหา น้อยสีอยู่ รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.ปากจั่น อ.กระบุรี กล่าวว่า ผู้ตายมีอาชีพขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และได้มีแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 1 คน ขึ้นเรือหางยาวข้ามฟากมาจากฝั่งประเทศพม่า มาที่ท่าเรือพระศุกร์ (ฝั่งไทย) และได้ว่าจ้างให้ผู้ตายไปส่งที่บริเวณซอยต้นกระท้อน พื้นที่หมู่ 9 ต.บ้านปลายคลองวัลย์ โดยผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน กฉบ 556 ระนอง สภาพใหม่ ไปส่งยังจุดเกิดเหตุ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายได้ใช้มีดแทงนายสมชาย จนได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะชิงรถเพื่อหลบหนี แต่มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ และช่วยกันสกัดจับ
          อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนทราบว่า นายแทนนาย อยู่ในขบวนการลักลอบโจรกรรมรถจักรยานยนต์ข้ามประเทศ เป้าหมายในการก่อเหตุครั้งนี้ก็เพื่อต้องการชิงรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย และขับขี่ไปขึ้นเรือที่ท่าเรือปลายซอยต้นกระท้อน พื้นที่หมู่ 9 ต.บ้านปลายคลองวัลย์ อ.กระบุรี จ.ระนอง เป็นพื้นที่รอยต่อลำคลองกระบุรีซึ่งใกล้กับตำบลบ้านหมาราง ประเทศพม่าก็จะมีเรือมารับต่อ ทางตำรวจจึงได้เร่งติดตามขบวนการที่เหลืออยู่แต่คนร้ายที่เหลือได้ไหวตัวหลบหนีไป จึงควบคุมตัวนายแทนนายไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระนองเร่งจัดตั้งสมัชชาชาวพุทธจังหวัดระนอง


พุทธศาสนิกชนจังหวัดระนอง จัดการประชุมหารือเร่งจัดตั้งสมัชชาชาวพุทธจังหวัดระนองขึ้น เพื่อส่งเสริมบทบาทของพระพุทธศาสนา และวัฒนธรรม รวมถึงสร้างจิตสำนึกของชาวพุทธในการปฏิบัติหน้าที่ของชาวพุทธที่ดี โดยคาดว่าจะสามารถสร้างชาวพุทธยุคใหม่ให้เป็นชาวพุทธที่แท้จริง โดยมุ่งเน้นที่เยาวชนเป็นหลัก
      
       เช้าวันที่ 15ก.พ.56  พุทธศาสนิกชนจังหวัดระนอง ร่วมกันจัดการประชุมหารือเรื่องการจัดตั้งสมัชชาชาวพุทธจังหวัดระนองขึ้น ที่วัดตโปทาราม จังหวัดระนอง เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา ถวายเป็นราชสักการะ และพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นศูนย์รวมขององค์การพุทธศาสนาในจังหวัด รวมถึงการสร้างชาวพุทธยุคใหม่ให้เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ตลอดจนสร้างจิตสำนึกของชาวพุทธในการปฏิบัติหน้าที่ของชาวพุทธที่ดี เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันชาติ สถาบันพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
      
       นางกัญฐณา หินเมืองเก่า ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดระนอง กล่าวว่า สมัชชาชาวพุทธมีความหมายถึงกระบวนการการประชุมของชาวพุทธ ซึ่งประกอบด้วย บรรพชิตและฆราวาส เป็นองค์กรเอกชนทีจัดตั้งขึ้นภายใต้มาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 การจัดตั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากชาวพุทธในจังหวัด โดยการสนับสนุนของผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ซึ่งการจัดประชุมตั้งสมัชชาพุทธจังหวัดระนองในครั้งนี้ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นการบูรณาการความร่วมมือของรัฐบาล คณะสงฆ์ หน่วยงานราชการ องค์การพระพุทธศาสนา สถาบันการศึกษา รวมทั้งพุทธศาสนิกชนในจังหวัดระนองในการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา ทั้งศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ศาสนพิธี และศาสนธรรมให้มีความมั่งคงคู่กับกับสังคมไทย
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทหารร่วมป่าไม้ระนองยึดคืนผืนที่ป่าคลองบางริ้นเนื้อที่ 50 ไร่


ทหารระนอง ร่วมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตรวจยึดคืนพื้นที่ป่า 50 ไร่ ที่นายทุนรุกป่าเขตอุทยานป่าคลองบางริ้น เพื่อคืนผืนป่าให้แผ่นดินต่อไป
          พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี เปิดเผยว่า ทหารชุดเฉพาะกิจ ร.25 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รน.8 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าที่ถูกชาวบ้าน และนายทุนบุกรุกเข้าไปแผ้วถางครอบครองปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา บริเวณป่าคลองบางริ้น หมู่ 2 ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง
      
       ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่รอยต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว กับพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดในส่วนของพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานฯ และเตรียมดำเนินการรื้อถอนพืชผลอาสินตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ตามขั้นตอนกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน เพื่อคืนผืนป่าให้แก่แผ่นดิน
          ว่าที่ ร.ท.ฤทธิกรณ์ นุ่นลอย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว กล่าวว่า อุทยานฯ มีพื้นที่รับผิดชอบมากถึง 417,500 ไร่ ครอบคลุมจังหวัดระนอง และจังหวัดชุมพร มีเส้นทางที่สามารถเข้า-ออกได้ถึง 147 เส้นทาง โดยปัจจุบัน พบมีการบุกรุกในหลายพื้นที่ ทางอุทยานฯ จึงได้ร่วมกับจังหวัดระนอง โดย กอ.รมน.จังหวัดระนอง ทหารชุด ฉก.ร.25 สนธิกำลังร่วมกันในการกวาดล้างขบวนการบุกรุกทำลายป่า เพื่อจัดการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มบุกรุกป่าในพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อกวาดล้างผู้บุกรุกทำลายป่าให้หมดสิ้น
ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ทหาร-ตร.ป่าไม้-ฝ่ายปกครองระนอง บุกทำลายพืชอาสินรุกที่อุทยาน




ทหาร-ตำรวจป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระนองสนธิกำลังรื้อถอนพืชอาสิน และสิ่งปลูกสร้างเนื้อที่กว่า 32 ไร่ ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว จ.ระนอง
      
       เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 21 ม.ค.56 พ.อ.นรินทร์ พรรณรายน์ รองผู้อำนวยการความมั่นคงภายในจังหวัดระนอง พร้อมด้วย นายมนู อานันทสฤษฎ์ ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระนอง ว่าที่ ร.ต.นิติกร นุ่นลอย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว หน่วยงานป่าไม้ท้องที่ทุกหน่วยในสังกัด นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ตชด.415 ระนอง สนธิกำลังร่วม 100 นาย พร้อมด้วยเลื่อยยนต์ มีด ขวาน ค้อน เข้าตัดฟันรื้อถอนต้นยางพาราอายุ 3-5 ปี ในเนื้อที่กว่า 32 ไร่ จำนวน 5 แปลง และทำลายสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ ม.3-4 ต.บางพระเหนือ อ.ละอุ่น ซึ่งหลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการเข้ายึด และจับกุมดำเนินคดีเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว
      
       พ.อ.นรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าทำการทำลายต้นยางพาราที่มีผู้แอบเข้ามาปลูกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ทหารจะร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ หรือภาคพลเรือน ในการปราบปรามจับกุมการบุกรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดระนอง และหลังจากนี้ในทุกๆ เดือนจะมีการเข้าทำลายพืชผลอาสินที่มีผู้บุกรุกพื้นที่ป่าเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์อย่างต่อเนื่อง โดยใช้มาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งหลังจากนี้ จะนำเอาพื้นที่ป่าทั้งหมดที่ถูกรื้อถอนนี้มาจัดทำโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินีต่อไป

ข้อมูลจาก..ASTV Manager ภาคใต้